“เราต้องซื่อสัตย์กับตัวเองให้มากๆ และรู้ว่าทุกวันมันสำคัญแค่ไหน”
“หนุ่มชาวไทยวัยรุ่นตอนปลายผู้ชื่นชอบงานทดลองทุกรูปแบบ และหวังจะได้ลองทำงานสนุกๆ อยู่เสมอ” เป็นข้อความที่ได้จาก About ในเพจ Facebook “ทศลอง” ที่เป็นผลผลิตของการ “ลอง” อะไรใหม่ๆ ตามสไตล์คุณทศ ที่เปี่ยมไปด้วยความจริงใจและเสน่ห์เต็มล้นท่วมตัวอักษร
แนะนำตัวเองให้นักอ่านดาโกะได้รู้จักกันหน่อย
สวัสดีครับผมชื่อทศ — ทศพล เหลืองศุภภรณ์ ตอนนี้เป็นผู้อำนวยการฝ่ายการตลาดและผลิตภัณฑ์ใหม่ของเครือ ‘มติชน’ และก็ทำเพจส่วนตัวชื่อว่า ‘ทศลอง’ ครับผม
ทราบมาว่าคุณทศพลได้เขียนบทความให้หลายที่เลยทีเดียว อยากทราบว่ามีความชื่นชอบด้านการเขียนหรือการอ่านมาตั้งแต่ตอนไหน สื่ออะไรที่คุณคิดว่าหล่อหลอมจนกลายมาเป็นตัวคุณในปัจจุบัน
เพราะมีผู้หญิงคนนึงบอกว่าผมเขียนหนังสือสนุกดี จากนั้นผมก็อยากทำสิ่งนี้มาตลอดครับ (หัวเราะ) เอาจริงมันคงมีเหตุผลที่จริงจังกว่านี้ แต่ผมคิดว่าครั้งนั้นมันส่งผลกับผมที่สุด เพราะตอนนั้นเราก็ยังเด็กม.ปลายน่ะครับ ยังไม่รู้ตัวเลยว่าเราทำอะไรได้ดี พอคนที่เราแอบชอบมาบอกแบบนั้นมันก็เลยทำให้รู้สึกดีกับการเขียน และก็เริ่มทำมันมาตลอด ส่วนเรื่องการอ่านนี่ผมก็ชอบอ่านหนังสือมาตั้งแต่เด็ก แรกๆ มันก็เริ่มจากหนังสือการ์ตูนและก็แตกแขนงไปเรื่อย แต่ผมมักจะเลือกอ่านจากฝั่งญี่ปุ่นก่อนเป็นหลัก เพราะรู้สึกผูกพันมาตั้งแต่เด็ก อย่างทุกวันนี้ด้วยหน้าที่การงานก็ต้องหันมาอ่านหนังสือธุรกิจมากขึ้น ผมก็จะเลือกจากฝั่งญี่ปุ่นอ่านก่อน รู้สึกว่าเข้าถึงง่ายกว่า อ่านแล้วมีความสุขกว่าครับ
ต่อยอดจากคำถามข้อที่แล้ว คุณทศพลพบว่าสื่อเหล่านี้มีอิทธิพลต่อการคิดมากน้อยแค่ไหน ค้นพบว่าอะไรเป็นสิ่งที่เราให้ความสนใจในปัจจุบัน และอยากเปิดเป็นประเด็นโดยการเขียนให้คนในสังคมได้อ่าน
ถ้าผมรู้ว่าจะต้องตอบข้อนี้ต่อ ผมจะกลับไปแก้คำตอบข้อบน! ยังไงดีล่ะ เอาในฐานะของอาชีพเราก่อนผมพบว่าสื่อมีผลต่อคนมากนะครับ ไม่ต้องไปถึงเรื่องของความรู้ที่จะได้รับจากการอ่าน เอาแค่การพาดหัวเรื่องก็มีผลต่อจิตใจไปแล้ว เขียนรุนแรงก็สร้างความรู้สึกโกรธหรือต่อต้านขึ้นมาได้ สิ่งพวกนี้มีให้เห็นได้ในทุกวัน เป็นเรื่องที่เราต้องให้ความสำคัญ และทั้งในฐานะคนทำสื่อและรับสื่อครับ อีกมุมนึงเป็นเรื่องของสื่อกับการสร้างความสนใจและทำให้คนอ่านได้เรียนรู้อะไรบ้าง เรื่องนี้เป็นสิ่งที่ผมได้รับประโยชน์มาเต็มไปหมดครับ เพราะอย่างที่บอกว่าผมชอบวัฒนธรรมญี่ปุ่นมาก สิ่งนี้ก็จะทำให้ผมมีคาแรคเตอร์ มุมมอง หรือแนวทางในการสร้างงานที่ไม่เหมือนคนอื่น ดังนั้นผมมองว่า ยิ่งเราอ่านมากเท่าไหร่ เราก็ยิ่งได้ความรู้เพิ่ม และนำไปสร้างงานหรือสิ่งต่างๆ ต่อได้มากขึ้นเท่านั้นนะ
อยากให้เล่าถึงเพจ “ทศลอง” สักหน่อยว่าที่มาที่ไปของการเปิดเพจนี้คืออะไร
เริ่มจากผมทำงานสื่อมาได้สัก2 ปี และเกิดความรู้สึกว่าอยากเล่าเรื่องที่เราทำอะไรในแต่ละวันบ้าง คือด้วยความที่ผมไม่ได้เรียนจบด้านสื่อมาเลย มันเลยเหมือนว่าทุกอย่างเป็นสิ่งใหม่ตลอดเวลา ชื่อแรกที่ขึ้นมาก็คือ ‘ทศลอง’ นี่แหละครับ เพราะมันมีความหมายว่าให้ผมลองออกไปทำอะไรใหม่ๆ และยังเป็นการปลอบตัวเองว่าถ้ามันออกมาไม่ดีนี่ก็เป็นแค่งานทดลองนะ (หัวเราะ)
แอบเห็นว่าในเพจจะมีบางพาร์ทที่เป็นเหมือน personal diary ที่ไม่เพียงแค่บอกเล่าเหตุการณ์ แต่ก็บอกความรู้สึกด้วย
เรื่องมาจากว่าช่วงสถานการณ์ไวรัส COVID-19 ระบาดใหม่ๆ เราทุกคนเหมือนถูกกระชากออกจากกันอาศัยอยู่ได้แต่ในบ้านของตัวเอง ไปไหนก็มีแต่ความกังวล หมดสิทธิ์เรื่องการนัดเจอเพื่อถามไถ่ชีวิตของคนรอบข้าง ผมก็เลยตัดสินใจทำ #HowAreYouToday ขึ้นมา เพื่อให้คนส่งข้อความมาพูดคุยบอกเล่ากัน ว่าแต่ละคนเป็นยังไงบ้าง โอเคไหม ทุกข์ใจอะไรบ้าง โดยไม่ต้องเขียนว่าคุณเป็นใคร และใช้รูปที่คุณพอใจจะใช้เหมือนเป็นช่องทางระบายรูปแบบนึงครับ
สำหรับสิ่งที่คุณเขียนในเพจว่า “หนุ่มชาวไทยวัยรุ่นตอนปลายผู้ชื่นชอบงานทดลองทุกรูปแบบ และหวังจะได้ลองทำงานสนุกๆ อยู่เสมอ” ตอนนี้ได้ทดลองทำอะไรที่เราคิดว่ามันสนุกและคุ้มค่าที่ได้ทำหรือยัง
ยังเลยครับ! ยังมีอีกเยอะที่ผมอยากลองอยากสื่อสารอยากรู้และอยากคุย ผมตั้งใจว่าอยากให้พื้นที่ตรงนี้คือหลุมหลบภัยโดยไม่ต้องมาสนใจเรื่องยอดไลก์อะไร เมื่อไหร่ที่ผมมีความสนใจอะไร อยากเริ่มโปรเจ็กต์อะไร ก็มาลุยเอาได้ที่นี่เลย
ตอนนี้สถานการณ์ COVID-19 ทำให้อะไรหลายอย่างในประเทศหยุดชะงักลง อยากทราบว่าคุณมีวิธีการจัดการกับสิ่งที่เกิดขึ้นยังไง
“เราต้องซื่อสัตย์กับตัวเองให้มากๆ และรู้ว่าทุกวันมันสำคัญแค่ไหน” ผมคิดถึงเรื่องนี้มากขึ้นเรื่อยๆ ในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมาครับ เพราะตอนนี้เราอยู่ในสภาพที่ไม่เคยเจอมาก่อน ต้องปรับตัวอะไรมากมายโดยที่เราก็ไม่รู้ว่ามันจะพาเราไปสู่จุดไหน ดังนั้นเมื่อไหร่ที่เรารู้สึกอะไร อยากทำอะไร อยากไปที่ไหน ลงมือเลยครับ อย่าให้มาเสียใจกันทีหลัง ซื่อสัตย์กับตัวเองให้มากๆ ตรงไปตรงมาเข้าไว้แล้วเดี๋ยวมันจะดีเอง!
คิดว่าอะไรเป็นสิ่งสำคัญที่จะทำให้เราสามารถดำเนินชีวิตต่อไปได้ในแบบที่พอจะมีความสุขบ้าง
ความจริงแล้วเหมือนข้างบนนี่แหละครับ แต่ผมมีเคสนึงที่อยากแชร์ต่อ เรื่องมันมีอยู่ว่าผมได้ไปดูภาพยนตร์เรื่อง ‘Last Letter’ และในเรื่องมันจะมีสิ่งนึงที่พยายามบอกกับคนดูอย่างเราว่า “ถ้าเพียงแค่เรามาทันเวลานะ” เราคงจะเห็นหนังเป็นอีกแบบไปเลย เพราะงั้นถ้าคุณแอบชอบใครอยู่ก็ไปบอกเขาเลยนะครับ อยู่กับครอบครัวก็กอดและบอกรักเขาให้มากๆ ไม่ชอบงานที่ทำอยู่สักนิดก็รีบเปลี่ยนเลยครับ ลงมือกันเถอะครับซื่อสัตย์กับตัวเองเถอะนะ วันเวลาแห่งความไม่แน่นอนรอเราอยู่ ความชอบที่มีอยู่ในวันนี้จะกลายเป็นอะไรก็ไม่รู้ อย่าให้มันจบลงด้วยคำว่าเสียดายเลยครับ!
ฝากผลงานหรือโปรเจ็กต์อะไรที่กำลังทำ
ขอบคุณทุกคนที่อ่านมาจนถึงตรงนี้นะครับ หลังจากนี้ผมตั้งใจว่าจะพัฒนาเพจทศลองให้มีอะไรสนุกขึ้นเรื่อยๆ หวังว่าทุกคนจะเอาใจช่วยนะครับ 🙂
ช่องทางติดต่อ
FB:@toslonggg
ถ้าสนใจอ่านบทสัมภาษณ์ที่น่าประทับใจ และมีความชอบเกี่ยวกับการไปดูคอนเสิร์ตของวงดนตรีอินดี้ทั่วโลก คลิก เพื่ออ่านบทสัมภาษณ์ของคุณ ปูม ปิยสุ โกมารทัต ในเว็บไซต์ดาโกะได้เลย