
“เราเลือกวงดนตรีที่คิดว่าถ้าคุณได้ลองฟังเมื่อไหร่ คุณจะชอบแน่ๆ”
เจ้าของค่ายเพลงที่มีชื่อว่า ปริณาม มิวสิค (Parinam Music) ที่มีศิลปินในสังกัดอย่างวง The Rovers, Gym and
Swim, Seal Pillow ฯลฯ รวมถึง Seen Scene Space โดยเป็นทีมที่นำวงดนตรีอินดี้จากหลากหลายประเทศทั่วโลก
มาจัดคอนเสิร์ตในไทย
แนะนำตัว
สวัสดีครับ ผมชื่อ ปูม ชื่อจริงคือ ปิยสุ โกมารทัต ตอนนี้ทำ Seen Scene Space โดยเป็นทีมจัดคอนเสิร์ต แล้วก็
มีค่ายเพลงอินดี้ ชื่อว่า ปริณาม มิวสิค ครับ
ที่มาของ Seen Scene Space
ตอนนี้ปริณาม มิวสิค มีอายุ 14 ปีแล้ว ส่วน Seen Scene Space เองก็มีอายุ 5 ปี ซึ่งคือเริ่มทำหลังจากทำค่ายเพลงได้
9 ปี ตอนนั้นค่ายเพลงเริ่มนิ่งและคงตัว ด้วยความที่เราเป็นค่ายเพลงอินดี้ที่ไม่ได้มีสังกัดใหญ่ ทำให้บางทีก็ไม่ได้มีงาน
หรือพื้นที่สำหรับเล่นดนตรี เราเลยชอบจัดงานเองซึ่งเป็นงานของค่าย แล้วก็ชวนแฟนคลับของแต่ละวงมาดูกัน ช่วงแรก
มีแฟนคลับไม่ได้มากเลยมักจัดตามผับ บาร์ ร้านเหล้า เลยทำให้มีประสบการณ์การจัดงานจากการทำอีเว้นท์ แล้วมันมี
ช่วงนึงที่ค่ายเพลงเราเริ่มมีแฟนคลับประมาณนึงเราเลยทำเป็นเฟสเล็กๆ โดยเป็นศิลปินของค่ายเราเอง ตอนนั้นเริ่มสนุก
เกิดติดใจอยากจัดอีก มันเลยเริ่มมาจากตรงนั้นที่คิดตั้ง Seen Scene Space ขึ้นมา แล้วก็ชวนศิลปินจากทุกค่ายมา
เข้าร่วมโดยไม่ได้จำเป็นว่าต้องเป็นศิลปินของค่ายเราค่ายเดียว
วงดนตรีแรกที่มาจัดใน Seen Scene Space
ตอนนั้นจัดที่เจเจกรีนสมัยปี 2014 มีหลายวงที่มาร่วมเล่นเลยครับ ทั้ง The Rovers, Moving and Cut, Jelly Rocket,
Seal Pillow, Part Time Musicians, Two Millions Thanks
รู้สึกว่ากระแสเพลงอินดี้ในไทยมันมีมากขึ้นเรื่อยๆ หรือมาๆ หายๆ
ในฐานะที่อยู่ในวงการดนตรีอินดี้ 10 กว่าปี แอบรู้สึกว่ามันมีเรื่อยๆ ยิ่งอย่างเมื่อ 10 ปีก่อน กระแสน่าจะแรงกว่านี้ เพราะ
ตอนนั้นยังมี Fat Radio มีงาน Fat Festival จนตอนหลังได้กลายเป็น Cat Radio ซึ่งกลายเป็นวิทยุออนไลน์ มันก็ไม่เชิง
ว่าดรอปลงนะ แต่ด้วยความที่ยุคหลังมานี้เป็นยุคสตรีมมิ่งด้วย คนไม่ซื้อซีดีอีกแล้วแต่ไปฟังเพลงจากการสตรีมมิ่งแทน
มันเลยทำให้ทุกคนที่ฟังเพลงในแต่ละแนวมีพื้นที่ชัดเจน ฟังเพลงง่ายขึ้น เช่น ถ้าชอบแต่เพลงอินดี้ญี่ปุ่น ก็เลือกฟังได้
หรือถ้าชอบเค-ป๊อป ก็ฟังได้ตามเหมือนกันเพราะมันมีการแบ่งชัดเจนให้เราแล้ว
แล้วคนไทยที่สนใจเพลงอินดี้ต่างชาติมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นมั้ย
เพิ่มครับ อาจเป็นข้อดีของสตรีมมิ่งด้วยที่มันเข้าถึงง่าย มันมีฟังก์ชันที่มีการแนะนำเพลง เช่น ถ้าคุณชอบเพลงแนวนี้
มันก็จะแนะนำว่า วงดนตรีที่อาจมีแนวเพลงคล้ายคลึงกัน ซึ่งความเจ๋งของสตรีมมิ่งอีกอย่างคือสมมติว่าคุณฟังเพลงไทย
มันก็ไม่ได้แนะนำแค่เพลงไทยอย่างเดียว แต่รวมไปถึงเพลงต่างชาติด้วยที่มีซาวด์คล้ายกันด้วย แม้กระทั่งแฟนของ
Seen Scene Space ที่ผมเจอคือ เขาชอบวงไทยวงนี้ แต่พอผมจัดวงที่มาจากญี่ปุ่น เขาก็มาดูด้วย ผมเลยคิดว่าเพราะ
สตรีมมิ่งเลยทำให้คนมีโอกาสเข้าถึงเพลงนอกมากขึ้น
นานมั้ยกว่าจะเริ่มนำวงต่างชาติมาจัดคอนเสิร์ตที่ไทย
จริงๆ แป๊บเดียวเองนะครับ น่าจะครั้งที่ 3 หรือ 4 หลังจากที่เริ่มจัดงาน ชื่องานตอนนั้นคือ POW! FEST ในตอนนั้นยัง
มุ่งมั่นจะจัดงานที่มีแต่วงไทย แล้วด้วยความที่แนวเพลงของวงในค่ายก็มีในแบบแปลกไปจากชาวบ้านบ้าง เลยลองมอง
วงอื่นนอกค่ายที่มีแนวใกล้ๆ กันเพราะอยากลองเอามารวมเป็นเฟส สัก 10 วง ทีนี้น้องในทีมก็ทักว่า เฮ้ย เราควรมี
วงต่างชาติสักวงรึเปล่า ให้ดูมีสีสันขึ้นมาหน่อย ให้งานเราดูไม่ใช่แค่งานทั่วไป เราเลยชวนวง The fin. มา ซึ่งเป็นวงญี่ปุ่น
นับเป็นจุดเริ่มต้นเลย ผมเห็นว่าเพลงกับเอ็มวีเขาเท่มาก น้องๆ ในทีมก็ฟังอยู่แล้วก็เลยลองชวน แล้วเขาก็มาโดยง่าย
และโดยดีเพราะเหมือนอยากมาอยู่แล้วด้วย
เวลาเราชวนศิลปินจากต่างชาติมานี่มีความยากหรือง่ายมั้ย
ไม่ง่ายหรอกครับ อย่าง The fin. จริงๆ ช่วงนั้นเหมือนเขาเพิ่งปล่อยอัลบั้มมา และกำลังเริ่มดัง พร้อมทั้งอยากมาโปรโมต
ด้วย จังหวะมันพอดี แต่ถ้าดูโดยรวมจากทุกๆ วง มันไม่ใช่เรื่องง่ายเลย เพราะมันมีเงื่อนไขหลายอย่างที่ต้องตกลง แล้วก็
หาจังหวะที่เหมาะสมด้วยว่าเขาทัวร์อยู่มั้ย หรือทำอัลบั้มในสตูดิโออยู่รึเปล่า
วงดนตรีญี่ปุ่นที่นำเข้ามานอกจาก The fin.
มีวง Lucky Tapes โดยมา 2 ครั้งแล้ว ปีนี้ก็คุยกันว่าจะมาอีก แต่ก็ต้องดูสถานการณ์ COVID-19 กันก่อนว่าจะจัดงาน
ได้มั้ย แล้วก็มี Yokee New Waves หรือที่เราเอามาโชว์ในงาน Maho Rasop Festival แล้วคนเซอร์ไพรส์กันก็คือวง
CHAI ซึ่งมีสมาชิกเป็นผู้หญิง 4 คน
ถ้าเทียบในแง่ของตลาดระหว่างเพลงอินดี้ของไทยกับของต่างชาติ ความเข้มข้นของความนิยมของไทย
นี่มันเยอะพอรึยัง
ผมคิดว่ายังเข้มข้นไม่พอ ด้วยความที่ได้ติดตามของต่างชาติบวกกับที่เราพาวงในค่ายอย่าง Gym and Swim ไปทัวร์
ต่างประเทศ ทำให้เราได้เห็นวงการเพลงอินดี้ของเขา เลยทำให้รู้ว่า เออ เมืองไทยแพ้เขาจริงๆ ด้วย หรือแม้กระทั่ง
ตอนที่ผมมีโอกาสได้ไปงานคอนเฟอเรนซ์ เฟสติวัล ที่เป็นพวกโชว์เคส ได้ไปคุยกับโปรโมเตอร์คอนเสิร์ตหรือเจ้าของ
ค่ายต่างประเทศ ทำให้รู้เลยว่าประเทศไทยที่เราเห็นว่ามีวงมากมายใหม่ๆ เรื่อยๆ แต่จริงๆ มันไม่ได้กว้างเลย
หรือจริงแล้วแนวเพลงอาจจะกว้าง แต่โอกาสที่เพลงลึกๆ หรือฉีกจากที่คนชอบจะขึ้นมาให้คนชอบได้นั้นมันทำยาก
อย่างญี่ปุ่นคือเรารู้ว่าเขากว้างขวางมาก ซีดียังขายได้อยู่เลย ล่าสุดที่ผมประทับใจอีกที่นึงคือประเทศอินโดนีเซีย
พอดีได้ไปเฟสติวัลมา มีเพื่อนเจ้าของค่ายในอินโดนีเซียก็เลยได้คุยกัน เขาก็กว้างขวางมาก อย่างมีการเอาซาวด์
ผสมผสานในเพลงในบางจุดที่เราคิดว่าถ้าไทยลองทำบ้าง มันคงไม่น่าเป็นที่นิยมได้ เขามีความกล้าจะลองเอา
อะไรแปลกๆ มาใส่ในเพลง
คิดว่าอะไรเป็นอุปสรรคที่ทำให้วงการเพลงอินดี้ไทยยังไม่กล้าทดลองอะไรใหม่ๆ กับเพลง
บ้านเรายังมีวัฒนธรรมที่เวลาไปร้านเหล้า หรือบาร์แล้วยังอยากฟังเพลงที่เรารู้จัก แต่ถ้าเราไปเที่ยวเมืองนอกอย่าง
ประเทศอเมริกา ร้านที่เล่นโคฟเวอร์มันแทบจะไม่มีแล้ว มันค่อนข้างแบ่งชัดเจนว่าร้านนี้เล่นโคฟเวอร์ ร้านนี้เล่นออริจินัล-
มิวสิคซึ่งคนเยอะเท่ากันเลย แต่บ้านเราไม่ค่อยมี เมื่อก่อนน่ะมี ตอนนี้ยังมีคนพยายามทำบ้างแต่ยังไม่ประสบความสำเร็จ
ขึ้นอยู่กับวัฒนธรรมของเราด้วย ไม่ใช่ว่าคนไทยไม่ชอบฟังอะไรใหม่ๆ นะครับ ประเทศเรามันก็มีบ้าง เพียงแค่ยังไม่มากพอ
ตอนที่ได้ร่วมงานกับศิลปินญี่ปุ่นหลายๆ ท่าน อยากรู้ว่าเป็นยังไง เล่าให้ฟังหน่อย
หลังจากที่ร่วมงานกับวงดนตรีหลายชาติมา ผมชอบวงดนตรีจากญี่ปุ่นมาก ผมคิดว่าน่าจะเป็นเพราะวัฒนธรรมเขา
ที่ค่อนข้างจะให้เกียรติ อย่างเราเสนออะไรไป เขาจะรับฟัง มันมีความคล้ายคนไทยอย่างนึงคือมีความประนีประนอม
มีความอยากรู้อยากลอง ค่อนข้างดูแลง่ายกว่าวงดนตรีจากประเทศอื่นเลยแหละ ทีมงานกับผมก็รู้สึกสบายใจเวลา
ต้องร่วมงานกับพวกเขา รู้ว่าต้องแฮปปี้แน่ๆ ชิลแน่นอน
มีอะไรตลกๆ เ้กิดขึ้นระหว่างที่ได้ดูแลศิลปินบ้างมั้ย
ถ้าเป็นวงดนตรีชาติอื่นๆ เขาต้องการการดูแลจากเรามากๆ เช่น ให้พาไปนั่นนี่ แต่ถ้าเป็นวงญี่ปุ่นคืออิสระเสรี อยาก
ไปเที่ยวก็ไปเอง เช่น วง Lucky Tapes อย่าง คุณไค นักร้องนำของวง วันนั้นเราเตรียมจะจัดงานให้เขาที่ RCA พอ
ซาวด์เช็กเสร็จ เขาก็เดินมาบอกผมว่า เออ เดี๋ยวไปสยามแป๊บนึงนะ ผมก็ถามว่าไปกับใคร เขาตอบว่า ไปคนเดียว
ผมก็ถามอีกว่า แล้วคุณบอกใครในวงรึยัง เขาก็บอกว่ายัง นายไปบอกให้หน่อยสิ (หัวเราะ) กลายเป็นวงผมต้องเดิน
ไปบอกให้เองว่าเขาจะไปเที่ยว เดี๋ยวมาก่อนเล่น เมเนอเจอร์ก็โอเค ทุกคนก็โอเค ไม่มีใครมีปัญหาอะไร แค่พยักหน้า
รับทราบ หรือตอนมีงาน Maho Rasop Festival เราก็ได้ร่วมงานกับวงญี่ปุ่นชื่อ never young beach มีซาวด์เช็ก
บ่ายสาม กินข้าวเที่ยงเสร็จ บ่ายโมงก็หายไปไหนกันไม่รู้ ตามตัวไม่ได้เพราะไปกันทั้งวง จู่ๆ เขาก็โผล่มาตอนบ่าย
สองสี่สิบห้า อะไรประมาณนั้นครับ
สถานการณ์ COVID-19 ที่กำลังระบาด ทำให้เราวางแผนการจัดคอนเสิร์ตยังไงบ้าง
ก็มีความงงอยู่บ้างครับ คือไม่รู้ว่ามันจะจบเมื่อไหร่ ถ้าถามว่าวางแผนยังไง ก็ตอบเลยว่าวางแผนไม่ถูก (หัวเราะ)
เพราะตอนที่โรคมันเริ่มแพร่ระบาดเมื่อปลายเดือนมกราคม เขาก็วิเคราะห์กันว่ามันจะดีขึ้นหลังจากจบเมษายน แต่ตอนนี้
มีนาคมแล้ว แต่ยังไม่มีทีท่าว่าจะดีขึ้น ในฐานะผู้จัดเราก็ทำตัวไม่ถูก แม้กระทั่งงานที่เราจะจัดในเดือนพฤษภาคมก็ยังไม่รู้
ว่าจะได้จัดอยู่มั้ย แพลนในเดือนถัดไปก็ไม่มั่นใจเหมือนกัน แต่ก็ต้องดูต่อไปครับ ก่อนหน้านี้ที่จัดเราก็มีมาตรการดูแล
ผู้ชมให้ดีที่สุด ทั้งทำความสะอาด ฆ่าเชื้อ ตรวจวัดไข้หน้างาน มีแอลกอฮอล์บริการให้ด้วย
จุดประสงค์ของ Seen Scene Space
เราฉีกกว่าชาวบ้าน ไม่เหมือนใคร ถ้าเป็นโปรโมเตอร์เจ้าอื่น เขาจะเอาวงที่มีกระแสมา แบบ วงนี้มีคนชอบเยอะ
เอามาดีกว่า แต่ Seen Scene Space จะเป็นอีกแนวนึง คือ พวกเราชอบ เลยอยากให้คนไทยได้ดูและชอบด้วย
ฉะนั้นมันให้ฟีลแบบเราเอาวงอะไรมาไม่รู้แหละ แต่ถ้าคุณมาดูเมื่อไหร่ คุณจะชอบแน่ๆ เหมือนเราเป็น Curator
ใช้เทสต์ และคิดแทนว่าวงแบบนี้คนต้องชอบ แล้วเราก็อยากให้โอกาสคนไทยได้มาชมด้วย
มีอะไรอยากฝากมั้ย
ปีนี้ถ้าไม่มีอะไรเกิดขึ้นก็สัญญาว่าจะพาวงดนตรีญี่ปุ่นมาเยอะๆ ให้แฟนๆ นิตยสารดาโกะได้ชมกัน สปอยล์ตอนนี้เลย
ก็คือมีวง Lucky Tapes ตอนเดือนสิงหาคม แล้วตอนนี้เราก็ได้มีการคุยกับวงญี่ปุ่นอีก 3-4 วง ที่คิดว่าจะเอามา แต่ยัง
ไม่คอนเฟิร์ม นอกจากนี้ก็ช่วยติดตาม Maho Rasop Festival ช่วงปลายปีในเดือนพฤศจิกายน ด้วยนะครับ ขอบคุณมากครับ
ช่องทางติดต่อ
FB: @SeenSceneSpace
IG: seenscenespace