รถไฟเคลื่อนโลก “The Railway Man”
หนังเรื่อง The Railway Man ได้แรงบันดาลใจจากหนังสือชื่อเดียวกัน เรื่องราวของเอริก โลแม็กซ์ นายทหารชาวอังกฤษที่ร่วมรบวในสงครามโลกครั้งที่สอง แต่พ่ายแพ้ต่อฝ่ายญี่ปุ่นจนถูกจับเป็นเชลยมาเป็นแรงงานสร้างทางรถไฟที่จังหวัดกาญจนบุรีบ้านเรา
พูดถึงรถไฟแล้ว ญี่ปุ่นนับเป็นประเทศที่มีการเริ่มต้นสร้างรางรถไฟมายาวนาน ตั้งแต่ปี ค.ศ.1872 จนก่อนช่วงสงครามโลกครั้งที่สองนั้น ญี่ปุ่นสร้างทางรถไฟในประเทศไปแล้วร่วมหมื่นกว่ากิโลเมตร แม้จะขลุกขลักทางเศรษฐกิจและขาดทรัพยากรบ้างหลายครั้งแต่ก็พัฒนาขยายบริการขึ้นเรื่อย ๆ (ซึ่งนับว่าก้าวหน้ามาก เมื่อเทียบกับเส้นทางรถไฟของไทยเรา ณ ปัจจุบัน ที่รวมกันแล้วยังมีเพียงแค่ราว ๆ ห้าพันกิโลเมตรเท่านั้น)
จนเมื่อมีสงครามโลกครั้งที่สอง ญี่ปุ่นได้เจรจาขอสร้างทางรถไฟสายหนองปลาดุก – กาญจนบุรี – ตันบูซายัด (ประเทศพม่า) ซึ่งเป็นเส้นทางที่จะช่วยย่นการขนส่งได้มาก รวมทั้งในทางยุทธศาสตร์ขณะนั้นแล้ว กองทัพเรือของอังกฤษมีอิทธิพลมาก การมาขยายเส้นทางทางบกน่าจะทำให้การรบเป็นไปได้ดีกว่า
แต่ด้วยภูมิประเทศรกชัฏ ทั้งภูเขาทั้งแม่น้ำขวางกั้น และไข้ป่ายังดุ ทำให้เส้นทางนี้กลายเป็น “รถไฟสายมรณะ” ที่ชื่อนั้นมาจากจำนวนผู้คนที่เสียชีวิตนับแสน ๆ เป็นเส้นทางรถไฟสายโศกเส้นหนึ่งของโลก ขนาดที่เล่ากันว่าจำนวนคนตายเท่า ๆ กับจำนวนไม้หมอนรถไฟ
เรื่องของโลแม็กซ์ ในความเป็นเชลยก็ยังโชคดีหน่อยที่เขามีความรู้ทางวิศวกรจึงไม่ได้ถูกใช้แรงงานหนักเยี่ยงทาสเท่าคนอื่น ๆ แต่ถึงอย่างนั้นเชลยชั้นดีก็ยังถูกกระทำเยี่ยงเชลย ถูกทรมานเจียนตาย กลายเป็นเรื่องฝังใจอย่างห้ามไม่ได้
หนังไม่ได้ขับให้เห็นความโหดร้ายของสงครามที่ทรมานจิตใจคนดูนัก แต่จับประเด็นที่เรื่องราวของโลแม็กซ์หลังชนะสงครามแล้วกลับไปอยู่อังกฤษ โฟกัสที่การให้อภัยศัตรูที่แสนแค้นและการผ่านพ้นเหตุสะเทือนจิตใจรุนแรงจนมีผลกระทบต่อการใช้ชีวิต เล่าในเชิงชะตากรรมส่วนบุคคลมากกว่าภาพใหญ่ของสงคราม ซึ่งในทางส่วนตัวทุกคนล้วนแพ้
แม้สงครามจะโหดร้ายอย่างที่มนุษย์เรียนรู้แล้วว่าไม่คุ้มค่าที่จะทำอีกต่อไป แต่ในระหว่างสงครามก็เป็นช่วงเวลาเคี่ยวกรำขับเคลื่อนโลกไปได้มากในหลายแขนง เช่น การบิน การโทรคมนาคม การรถไฟก็เช่นกัน
รถไฟนับว่าเป็นส่วนสำคัญในการเปลี่ยนแปลงประวัติศาสตร์โลก ในหลายประเทศเข้าสู่การพัฒนาอย่างยิ่งยวดรวดเร็วก็ด้วยการเชื่อมเมืองต่าง ๆ เข้าด้วยกัน ส่งคน ส่งของ การค้าคึกคัก และระบบเครือข่ายการรถไฟที่ดีก็เป็นส่วนสำคัญในการสร้างชาติญี่ปุ่นให้ก้าวหน้าอย่างมากด้วย แม้บอบช้ำในฐานะผู้แพ้สงคราม แต่การรถไฟไม่ได้ถูกมองข้ามจึงยังคงพัฒนาต่อเนื่อง ยกเลิกระบบไอน้ำและเปลี่ยนเป็นระบบดีเซล ส่วนเส้นทางหลักกลายหันมาใช้ระบบไฟฟ้า
ญี่ปุ่นยังเป็นผู้นำเอารถไฟความเร็วสูงที่ขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้า หรือ ‘ชินคันเซ็น’ มาอวดสู่สายตาชาวโลกเมื่อครั้งโอลิมปิก ปี ค.ศ.1964 และยังพัฒนาเข้ากับยุคสมัย มีเทคโลโลยีใหม่ ๆ ให้กับการเดินทางด้วยระบบรางนี้มาตลอด เป็นประเทศที่การรถไฟเข้มแข็งมาเนิ่นนานจวบจนปัจจุบัน
เหมือนที่โลแม็กซ์พูดถึงอยู่ตอนหนึ่งในหนังอย่างขุ่นเคืองว่าสมัยกลับจากสงครามแล้วไปทำงานที่อียิปต์ ไปทำงานด้านรถไฟ ก็ยังต้องใช้เทคโนโลยีรถไฟของญี่ปุ่น รถไฟของญี่ปุ่นมันดีจนน่าเจ็บใจจริง ๆ
อ้างอิง
IMDB (www.imdb.com/title/tt2058107)
“เราจะได้เจออะไรบ้างในพิธีแต่งงานแบบดั้งเดิมของญี่ปุ่น” คลิก
“KOI KOI เกมผู้เล่น 2 คนที่ใช้ไพ่ดอกไม้ (ฮานะฟุดะ)” คลิก