เด็กผู้ชายที่หลงใหลการวาดรูป อ่านการ์ตูน สนใจงานเเอนิเมชั่น แล้วก็ตัดสินใจศึกษาต่อที่คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ ภาคภูมิสถาปัตย์ จุฬาฯ ต่อมาเขาเปิดบริษัททำงานเเอนิเมชั่น เป็นฟรีแลนซ์ เป็นคุณครูสอนสีน้ำ ทำหนังสือบันทึกการเดินทางและรวมภาพสีน้ำ ซึ่งที่เราสนใจก็เพราะเขากำลังทำโปรเจ็กต์กับทางเมืองคาโทริ ย่านเมืองเก่าซาวาระ จ.ชิบะอยู่นั่นเอง
ฉัตรชัย ธรรมาภิรมย์ (ซ้าย) – อายุ 38 ปี ฉายาพ่อมดสีน้ำ เจ้าของผลงานหนังสือรวมภาพวาด Let’s Sketch Go (รวมนักเขียน), AnimaToey Artbook Diary Volume 1 และ 2 , AnimaToey Watercolor in Kansai “ฤดูสีน้ำที่คันไซ”และ FishHead เล่ม1
คุณพอจะบอกสไตล์งานคุณที่ดูแล้วรู้เลยว่าเป็นงานของ AnimaToey อย่างแน่นอน
เอกลักษณ์งานของผม ถ้าในปัจจุบันจะเป็นภาพวาดสีน้ำเกี่ยวกับญี่ปุ่น ที่เป็นอาคารสถานที่เก่าๆ สไตล์ญี่ปุ่นดั้งเดิม ที่วาดดูเหมือนจริง แต่ในภาพจะมีตัวการ์ตูนที่ดำเนินเรื่องราวของมันอยู่ คุณเดินทางไปประเทศญี่ปุ่นแล้วประทับใจในเรื่องอะไรบ้าง เห็นว่าคุณมีเรื่องราวน่าประทับใจเกิดขึ้นด้วยราวๆ ปี ค.ศ. 2015 มีเพื่อนพาผมไปเที่ยวย่านเมืองเก่าของจ.เกียวโต แล้วผมก็ประทับใจที่นั่น เลยถ่ายภาพกลับมาวาดสีน้ำ พอวาดเสร็จเพื่อนก็เอาไปให้คุณลุงที่เป็นหัวหน้าชุมชนนั้น แล้วคุณลุงก็ชอบผลงาน ทำให้ได้รู้จักกันได้ขายงานคนญี่ปุ่นครั้งแรก รวมถึงนำไปสู่โปรเจ็กต์วาดภาพสีน้ำที่ชุมชนนี้และไปจัดแสดงงานที่นั่นด้วย ซึ่งเป็นความฝันของผมตอนนั้น ที่อยากรู้จักคนญี่ปุ่นและมีคนซื้อผลงานของเรา ในประเทศที่เราชื่นชอบ
ล่าสุดคุณก็กำลังทำโปรเจ็กต์กับทางเมืองซาวาระอยู่ อยากให้คุณเล่าที่มาที่ไปให้พวกเราฟังหน่อยค่ะ
ผมได้รู้จักกับน้องคนไทยคนหนึ่ง ที่ได้ทำงานเป็นเจ้าหน้าที่ที่เมืองนี้ และดูแลเพจ Wonder Sawara เที่ยวรอบซาวาระ : Chiba Katori City ผมเห็นรูปที่ลงในเพจนี้สวยดี ก็เลยไปทักเล่นๆ ว่า ขอรูปมาเป็นแบบวาดได้ไหม แล้วน้องก็ตอบกลับมาว่า มาทำโปรเจ็กต์วาดที่ย่านเมืองเก่าของเมืองนี้เลยมั้ย ผมเดินทางไปที่เมืองนี้ กลับมาวาดรูป จนกลายเป็นโปรเจ็กต์ที่เป็นรูปเป็นร่างขึ้นมา และได้ทำการจัดแสดงที่สถานีรถไฟ JR ซาวาระ และที่ Visitor Center ของเมืองซาวาระ เป็นระยะเวลา 2 เดือน ตั้งแต่วันที่ 1 ก.ค. – 31 ส.ค. 2019 นี้
คอนเซ็ปต์คร่าวๆ ของโปรเจ็กต์นี้คืออะไร
เป็นการวาดย่านเมืองเก่าซาวาระในมุมต่างๆ ของเมือง โดยมาจากแนวคิดที่ว่า ภาพแบบไหนที่จะเป็นประโยชน์สำหรับเมืองนี้ ภาพที่ทำให้รู้สึกประทับใจในความสวยงามของเมือง จนอยากจะมาเที่ยวที่เมืองนี้ซักครั้ง หรืออย่างน้อยภาพที่ทำให้คนที่อาศัยในเมืองนี้ เห็นแล้วมีความสุข และภูมิใจในเมืองที่เค้าอาศัยอยู่ด้วย
คุณมองว่าเสน่ห์ของญี่ปุ่นในสายตาของคุณคืออะไร
สำหรับผมมันคือ “ความปราณีต” ในทุกๆ สิ่ง ทุกๆ อย่างที่เป็นญี่ปุ่น ทั้งเรื่องของความคิด ไอเดีย ความรู้ที่สั่งสมกันมา ไม่ว่าจะเป็นความสวยงามของอาคาร บ้านเรือน การบริการ มารยาท สิ่งของเครื่องใช้ งานศิลปะ อาหาร การจัดระเบียบในเรื่องต่างๆ ตัวหนังสือญี่ปุ่น ก็สวย สิ่งเหล่านี้ล้วนแทรกซึมอยู่ในสิ่งที่พวกเขาทำ รวมๆ แล้วก็กลายเป็นเสน่ห์ความประทับใจในญี่ปุ่นของผมครับ
ปัจจุบันคุณยังทำงานวาดภาพด้วยสีน้ำเสียส่วนใหญ่ คุณมองเห็นข้อดีและข้อเสียอย่างไร
ผมมองว่าการวาดสีน้ำ มันต้องใช้เวลา มันเป็นทักษะที่ต้องฝึกฝน เหมือนกับช่างฝีมือ ผมรู้สึกว่ามันคุ้มค่าดีที่ได้ใช้เวลาทุ่มไปอยู่กับมัน ข้อดี คือมีความสุขเวลาได้ทำงาน ส่วนตัวจะแฮปปี้กว่าการวาดภาพในคอมฯ ตรงที่ไม่ต้องปวดตา และไม่ค่อยทำร้ายหลังเท่าไหร่ ส่วนงานคอมฯ ข้อดีก็คือ ทำงานได้ไวดี สะดวก อยากเล่นสีอะไรก็ลองได้ มีลูกเล่นหลายอย่าง จริงๆ ผมเริ่มทำงานจากวาดด้วยคอมฯ มาก่อนเหมือนกัน ซึ่งการทำงานด้วยสีน้ำ มันจะลองลำบากหน่อย ถ้าลองเจ๊งแล้วก็เจ๊งเลย แต่ถ้าคอมฯ มันยังมีโอกาสได้ลองเทสสี ได้เล่นนู่นเล่นนี้ ได้คู่สีใหม่ๆ แล้วก็สามารถกดอันดู (Undo) ย้อนกลับไป-มาได้ ซึ่งทักษะรวมๆ จากการลงสีในคอมฯ ก็สามารถนำมาปรับใช้กับงานสีน้ำได้เหมือนกัน
คุณคิดว่าศิลปินที่ดี ในยุคสมัยนี้ควรเป็นอย่างไรบ้าง
ศิลปินที่ดี ถ้าต่อตนเองก็ต้องรักษาเวลา ทำงานส่งทันตามกำหนด หรือที่ตกลงกันไว้ เรียนรู้ “การขาย” ไว้ก็ดี ทันเทคโนโลยีใหม่ๆ หมั่นฝึกฝนศึกษางานหลากหลาย และพัฒนาตัวเองหาความด้านอื่นๆ นอกจากทำงานศิลปะก็ดี ส่วนศิลปินที่ดี ต่อผู้อื่นหรือสังคมนั้น ผมคิดว่าภาพวาดหรืองานของเรา ต้องให้ความรู้สึกที่ดี ความสุข เมื่อผู้คนได้เสพงานของเรา เพื่อผ่อนคลายหรือบำบัดจากอุปสรรคปัญหาที่ได้เจอมาในชีวิตประจำวัน และเป็นแรงบัลดาลใจให้กับผู้คนรุ่นหลังที่เดินตามเรามาด้วย
ศิลปะทำให้คุณได้เรียนรู้อะไรเกี่ยวกับชีวิตบ้าง
อย่างแรกคือ ผมได้เรียนรู้ว่าศิลปะมันให้ “ความสุข” กับเรา และสามารถสร้างเองได้ โดยที่ไม่ต้องไปแสวงหาจากข้างนอก หรือคนรอบข้าง ดังนั้นผมเลยไม่แปลกใจ ที่ศิลปินมักอยู่อย่างสันโดษ ชอบทำงานคนเดียว ไม่ค่อยพบปะผู้คนอย่างที่สอง คือ สำหรับสีน้ำ ผมได้เรียนรู้จาก “ปัญหา”หรือ “อุปสรรค”ในการวาดหลายๆ อย่าง ความล้มเหลว ความไม่เป็นดั่งใจ ได้ค้นพบอุบัติเหตุ การปล่อยวาง และอีกมากมาย ที่ไม่ต่างกันกับเรื่องต่างๆ ที่เราเจอกันในชีวิตจริง ซึ่งผมมองว่า การที่เรามี “ปัญหา” หรือ “อุปสรรค”เกิดขึ้นไม่ว่าจะเป็นในชีวิตจริงหรือการวาดสีน้ำเนี่ย ถ้าเราจัดการและผ่านมันไปได้ มันทำให้ตัวเราได้พัฒนาหรือเก่งขึ้นได้นะ เพราะฉะนั้นผมของให้คุณผู้อ่านทุกคนสู้ๆ นะครับ รับรองว่าสิ่งที่คุณรัก สิ่งที่คุณทำอยู่ ตั้งใจทำมันต่อไปเรื่อยๆ นะ แล้ววันของคุณจะมาถึงอย่างแน่นอน
ติดตามผลงานของเขาเพิ่มเติมได้ที่
FB : AnimaToey Watercolor