หลายคนคงจะรู้จักและคุ้นหูคุ้นตากันเป็นอย่างดี สำหรับร้านอาหารญี่ปุ่นย่านเอกมัย ชื่อ “คุโรดะ” ที่บริหารงานโดยเจ้าของชาวญี่ปุ่น แต่น้อยคนที่จะทราบว่าเบื้องหลังวัตถุดิบแสนอร่อยของเมนูที่เสิร์ฟในร้านนั้นส่งตรงมาจาก “คุโรดะ ฟาร์ม” จังหวัดนครราชสีมา ซึ่งบริหารโดยเจ้าของคนเดียวกันนั่นเอง

 

คุโรดะ

โคชิ ทานาคะ – เกิดเมื่อ พ.ศ. 2481 ที่เมืองอิโตชิมะ จังหวัดฟุกุโอกะ ประเทศญี่ปุ่น ในปี พ.ศ. 2527 ผู้เชี่ยวชาญวิชาการด้านการเกษตรขององค์การความร่วมมือระหว่างประเทศของญี่ปุ่น (JICA) ผู้ก่อตั้งคุโรดะ ฟาร์ม

 

ช่วยอธิบายคุโรดะ ฟาร์มให้เราฟังหน่อย
คุโรดะ ฟาร์ม เป็นฟาร์มออร์แกนิคแบบครบวงจรที่จะเน้นด้านปศุสัตว์ การปลูกผัก และเน้นการถ่ายทอดความรู้ให้กับเหล่าเกษตรกร รวมทั้งผู้ที่สนใจศึกษาความรู้ทางด้านการเกษตรแบบรอบด้าน โดยมีการบริการทางด้านวิชาการการเกษตร และวิทยากรให้ความรู้ พร้อมเปิดให้เที่ยวชมฟาร์มและชมการบ่มเนื้อวัววากิวไทยด้วย นอกจากนั้นยังมีร้านอาหารญี่ปุ่น ที่ใช้วัตถุดิบส่งตรงจากฟาร์ม จำนวน 4 สาขา นั่นคือ 2 สาขาในกรุงเทพฯ และอีก 2 สาขาที่โคราชและอยุธยา

 

หัวใจของฟาร์มออร์แกนิคในความคิดของคุณคืออะไร
หัวใจของฟาร์มออร์แกนิคสำหรับผม คือการไม่พึ่งสารเคมีและปุ๋ยเคมีแต่อย่างใด รวมทั้งต้องมีความใส่ใจในสิ่งแวดล้อมรอบๆ ตัวเราไปในเวลาเดียวกันด้วย ดังนั้นเราจึงต้องทำการเกษตรแบบบำรุงดินไปพร้อมๆ กันกับทางชุมชนของเรา เพื่อให้ประสบผลสำเร็จในการทำออร์แกนิคอย่างแท้จริง ผมเห็นกระแสการปลูกแบบไฮโดรโปนิคส์ในโรงงาน และปลูกแบบไม่โดนแสงแดด หลายคนเรียกกันว่าผักออร์แกนิคได้แล้ว แต่ผมกลับมองว่าการเกษตรแบบนั้น ต้องเรียกว่า การเกษตรหยดยา เพราะผสมวิตามินและสารต่างๆ ในน้ำ เหมือนฮอร์โมนเร่งการเจริญเติบโต แต่จริงๆ แล้วคำว่าออร์แกนิค ในความคิดของผม คือการปลูกผักโดยการอยู่ร่วมกันกับจุลินทรีย์ในดิน ดังนั้นคนที่ใส่ใจในเรื่องของสุขภาพก็ควรกินอาหารที่ถูกต้อง

 

 

คุณให้ความใส่ใจในเรื่องรสชาติและคุณภาพของเนื้อวัวเป็นพิเศษ
วัวพันธุ์พื้นเมืองของประเทศญี่ปุ่นนั้น สามารถปรับตัวได้กับทุกสภาพอากาศ ทั้งสภาพอากาศของประเทศญี่ปุ่น และเมื่ออยู่ที่ประเทศไทย ก็สามารถปรับตัวให้เข้ากับสภาพของประเทศไทยได้ ทางคุโรดะฟาร์มมุ่งเน้นคุณภาพของเนื้อและต้องการให้เนื้อดีที่สุด จึงได้ผสมพันธุ์วัวนมของไทยกับวัววากิวของญี่ปุ่น ทำให้วัวพันธุ์ผสมดังกล่าว มีความแข็งแรงและเติบโตเร็ว เนื้อวัวพันธุ์ผสมนี้จะเป็นเนื้อแดงที่อร่อย เหมาะจะนำไปบ่ม ซึ่งหากบ่มเนื้อในระยะเวลาที่เหมาะสม จะช่วยยกระดับรสชาติ และความนิ่มของเนื้อขึ้นอีกหลายเท่าตัว ทำให้เนื้อมีรสชาติเข้มข้นเหมือนชีสโดยสิ่งที่ขาดไม่ได้ในการเลี้ยงวัวให้มีสุขภาพแข็งแรง คือ การสร้างบรรยากาศ สร้างความสะดวกสบาย การใส่ใจกับสิ่งแวดล้อมของคอกวัว เช่น ใช้ฟางที่นุ่มนวล และใช้น้ำดื่มสะอาด เมื่อวัวกินอาหารเสร็จ และได้สัมผัสกับความนุ่มของฟาง ก็จะเผลอเคลิ้มหลับไป ซึ่งประเทศญี่ปุ่นมีสุภาษิตหนึ่งที่ว่า “กินแล้วนอนเลย จะกลายเป็นวัว” สุภาษิตนี้มันใช่เลย ถ้าวัวได้เคี้ยวเอื้อง และรู้สึกนอนหลับสบาย คุณภาพของเนื้อวัวจะนิ่มขึ้น และรสชาติก็จะหวานอร่อยมากขึ้นด้วยเช่นกัน

 

นอกจากวัวแล้ว ไก่ของที่นี่ก็เลี้ยงด้วยความใส่ใจไม่ต่างกัน
ผมเข้าใจว่าไก่ที่เลี้ยงอยู่ในคอกที่แออัดตามฟาร์ม หรือตามโรงงานอุตสาหกรรมขนาดใหญ่นั้น มีรสชาติที่แตกต่างจากไก่ที่เลี้ยงในฟาร์มของเราแน่ๆ เพราะไก่ของคุโรดะฟาร์ม ได้วิ่งบนดินอย่างร่าเริง เป็นพันธุ์ไก่ของฟาร์มเราเอง ซึ่งเกิดจากการผสมพันธุ์ของไก่ชนกับไก่ดำ ไก่บ้านซัตสึมะและไก่พันธุ์ต่างๆ จึงส่งผลให้ไก่มีร่างกายที่แข็งแรงและกล้าหาญเหมือนนักมวย รวมทั้งคุณภาพของเนื้อไก่ที่ได้ ก็มีคุณภาพที่ยอดเยี่ยมเพราะใช้อาหารสัตว์ที่ผสมเอง และมีวิธีการเลี้ยงของเราเอง

 

เคล็ดลับของคุโรดะฟาร์ม ก็คืออาหารสัตว์ที่ผสมเอง
ไม่ว่าจะเป็นวัว หมู ไก่ หรือปลา คุโรดะฟาร์ม จะเลือกผสมอาหารสัตว์ด้วยสูตรของตัวเอง ซึ่งใช้ข้าวโพดสีเหลืองที่เป็นพันธุ์พื้นบ้านของประเทศไทย นำมาผสมมันสำปะหลัง รำข้าวและวัตถุดิบต่างๆ เพราะอาหารสัตว์สำเร็จรูปทั่วไป มักจะให้ข้อมูลไม่ชัดเจนนัก การผสมอาหารสัตว์เองจึงเป็นเรื่องที่ทางคุโรดะฟาร์มให้ความใส่ใจเป็นพิเศษ นอกจากนั้นยังส่งเสริมอาหารสัตว์เพื่อสิ่งแวดล้อม เช่น ไซเลจ (อาหารสัตว์ที่หมักพืชไว้ที่โรงเก็บหญ้า) หรือเศษกากเบียร์ กากเหล้ามิรินและกากต่างๆ ที่เหลือจากโรงงาน มาเพิ่มปริมาณในอาหารสัตว์ที่เราผลิตเองได้ จะช่วยลดปริมาณอาหารสัตว์ที่เกษตรกรต้องซื้อแบบสำเร็จ แต่ไม่ลดคุณภาพอาหารสัตว์ ผมมองว่าในอนาคตเกษตรกรเลี้ยงสัตว์คงจะลำบากมากขึ้น และเพื่อช่วยเหลือพวกเขาได้ ผมเห็นทางวิธีการแก้ปัญหาที่อาจเกิดขึ้นได้ในอนาคตจากสิ่งเหล่านี้

 

 

นำประสบการณ์ ความรู้ รวมทั้งทักษะทางการเกษตรไปใช้กับคนในชุมชน
อย่างที่รู้กันดีว่าภาคตะวันออกเฉียงเหนือ หรือภาคอีสานของไทยนั้น มีผลผลิตด้านการเกษตรไม่ดีนัก อาจเพราะเป็นเรื่องของสภาพอากาศ และแร่ธาตุของดินในแต่ละพื้นที่ด้วย เกษตรกรส่วนใหญ่ในภาคอีสานจึงเลือกที่จะทำนา ปลูกอ้อย และมันสำปะหลังเป็นหลัก เพราะสามารถปลูกในดินที่ไม่ต้องอุดมสมบูรณ์นักก็ได้ ทุกวันนี้ผมเองก็พยายามแก้ไขปัญหาเท่าที่ผมพอจะทำได้โดยการนำประสบการณ์ และมุมมองความรู้ รวมทั้งทักษะทางการเกษตรที่ได้จากการทำฟาร์มของผม มามอบให้กับเกษตรกรไทยทุกคน

 

ความภาคภูมิใจของคุโรดะฟาร์มในทุกวันนี้สำหรับคุณคืออะไร
คือความอร่อยของวัว หมูดำ ไก่ และไข่ไก่ ที่เลี้ยงแบบไม่ใช้สารเคมีร้อยเปอร์เซนต์ เพราะฟาร์มของเราเองรายล้อมด้วยธรรมชาติอันอุดมสมบูรณ์ และการเลี้ยงดูที่ปราศจากสารเคมีใดๆ ซึ่งสำหรับผู้ที่สนใจสามารถหารับประทานได้ที่ร้านอาหารญี่ปุ่นคุโรดะ ทุกสาขา นอกจากนั้นสามารถซื้อสินค้าได้ที่ตลาดนัดเกษตรกรที่สาขาเอกมัย เดือนละ 2 ครั้ง สินค้าหลายอย่างขายหมดตั้งแต่เปิดตลาด โดยเฉพาะผัก ผลไม้ออร์แกนิคและอาหารแปรรูปก็มีให้เลือกหลากหลาย ราคาถูกกว่าห้างสรรพสินค้าทั่วไปด้วย ตลาดของเราจะทำการในวันเสาร์วันอาทิตย์ แต่ไม่ใช่ทุกอาทิตย์นะ แนะนำให้ติดต่อสอบถามวันทำการของตลาด และรายละเอียดที่สาขาเอกมัยล่วงหน้าก่อน  โทร. 0-2392-4933

 

เข้าไปดูข้อมูลเพิ่มเติมของคุโรดะฟาร์มได้ที่
https://kuroda.daco.co.th

views