
Phases of the Moon กับการแสดงภาพยนตร์ครั้งแรกของ “เร็น เมกุโระ“
เร็น เมกุโระ (Ren Meguro) สมาชิกบอยแบนด์ญี่ปุ่น “Snow Man” จากค่าย Johnny & Associates ที่มีโอกาสได้แสดงความสามารถอันโดดเด่นด้านการแสดงหลายในผลงานซีรีส์หลายเรื่อง เช่น My Love Mix-Up! ยางลบสื่อรัก, Maiagare! และ Silent และสำหรับภาพยนตร์เรื่อง “Phases of the Moon” ถือเป็นภาพยนตร์เรื่องแรกที่เขาได้แสดงและได้รับบทนำของเรื่อง ในบท “มิสุมิ อากิฮิโกะ” นักศึกษาหนุ่มยุค 80s ที่ตกหลุมรัก “รุริ” สาวสวยที่อายุมากกว่า แต่ความรักของเขานั้นต้องถูกเก็บซ่อนไว้เหมือนพระจันทร์ในเงามืดรอวันที่จะได้เผยความรู้สึก และบทบาทนี้เองที่ทำให้เขาได้รับคำชมจากนักวิจารณ์ว่าแสดงได้อย่างน่าสนใจจนได้เข้าชิงรางวัล Best New Actor จากเวที Mainichi Film Awards ครั้งที่ 77
- รู้สึกอย่างไรเมื่อได้รับเลือกให้แสดงภาพยนตร์เรื่องนี้
ผมมีความสุขมากครับ หลังจากได้อ่านบทนแล้วก็ไปหาฉบับนวนิยายมาอ่าน มันทำให้ผมร้องไห้เลยล่ะ ผมรู้สึกซึ้งใจมาก ๆ ที่ได้มีส่วนร่วมในงานนี้ครับ มันมีหลายส่วนในเรื่องที่เชื่อมโยงกับสิ่งที่ผมคิดอยู่แล้ว บางอย่างมันตรงกับสิ่งที่ผมมักให้ความสนใจอย่างเช่นเรื่องในชีวิตประจำวันที่เราทุกคนมักพูดว่า “แล้วเจอกันนะ” เวลาเอ่ยคำลา แต่สำหรับผมมักจะคิดว่า การได้พูด “แล้วเจอกันนะ” ครั้งนี้อาจเป็นครั้งสุดท้ายก็ได้ ซึ่งภาพยนตร์เรื่องนี้ก็เล่าเรื่องราวแบบนั้น ดังนั้นจึงมีหลายส่วนในเรื่องที่เข้าถึงจิตใจผมได้ครับ
- คุณรู้สึกอย่างไรกับบท มิสุมิ อากิฮิโกะ
ตอนที่ผมอ่านบทเป็นครั้งแรก ผมคิดว่าตัวเองก็น่าจะเล่นได้ถ้าลองนึกถึงตัวเองตอนอายุ 20 ปี มิสุมิไม่ใช่คนเท่ซึ่งผมก็คิดว่าตัวเองเป็นแบบนั้น พอมิสุมิได้เจอ รุริซัง (รับบทโดย คาซุมิ อาริมุระ) ผมคิดว่ามันเป็นการเจอกันด้วยโชคชะตากำหนด มิสุมิกำลังมองชีวิตไปข้างหน้า แต่เธอรู้สึกเหมือนได้มองย้อนอดีตชีวิตตัวเอง ยังมีหลายสิ่งที่มิสุมิไม่รู้ เขาอยู่ในช่วงระหว่างถูกสอนเรื่องอารมณ์ต่าง ๆ จากผู้หญิงที่เป็นผู้ใหญ่กว่า เขาจึงรู้สึกถึงความสั่นไหวของหัวใจในตอนนั้นครับ
- ตัวละครนี้ดูน่าเห็นใจมาก เป็นตัวละครที่น่าสงสารที่สุดในบรรดาบทที่คุณเคยแสดงมา
ผมเองก็คิดว่ามิสุมิเป็นตัวละครที่น่าจะได้รับความเห็นใจจากคนดู ผมเองยังสงสารเขาเลยครับ ผมหวังว่าคนที่ดูหนังเรื่องนี้แล้วจะรู้สึกอยากปฏิบัติต่อสมาชิกในครอบครัวและคนอื่น ๆ ด้วยความห่วงใยที่มากขึ้น เพื่อที่จะไม่ต้องมาเสียใจทีหลัง ผมคิดว่าบทนี้จะทำให้คนเปลี่ยนวิธีที่โต้ตอบกับผู้คน ผมอยากให้คนดูรู้สึกแบบนั้นครับ
- มีฉากไหนที่คิดว่านี่คือปมปัญหาของมิสุมิไหม
หลังจากสูญเสียรูริไปมิสุมิได้ไปเที่ยวตามสถานที่ที่อยู่ในความทรงจำของเขา เช่น ที่ที่ได้ดื่มเบียร์กับรูริ หรือที่ Waseda Shochiku โรงภาพยนตร์เก่าแก่ในโตเกียวและเป็นโรงภาพยนตร์ที่เขาเคยไปดูหนัง
ถ้าคนที่สำคัญของผมลาจากไปอย่างกะทันหัน ผมไม่อยากจะคิดเลยว่าโลกของผมมันจะพังทลายขนาดไหน ผมคงรู้สึกเคว้งคว้าง อยู่ผิดที่ผิดทาง มันคงเป็นความรู้สึกที่เหนื่อยมาก ความรู้สึกนี้มันตามกลับไปถึงตอนที่อยู่บ้านเลยครับ ผมรู้สึกว่าได้ใช้หัวใจและสมองไปเยอะมากกับการแสดงครั้งนี้จนอยากจะถอนหายใจ โดยเฉพาะซีนร้องไห้ที่ผมรู้สึกว่าต้องใช้พลังงานเยอะเป็นพิเศษครับ
ผมร้องไห้หนักมากจนแทบจะลุกจากเก้าอี้ไม่ไหวเลย
- แล้วมีวิธีจัดการความรู้สึกที่ตกค้างมาจากตัวละครอย่างไร
ผมคิดว่าสิ่งที่ควรจะทำคือการพยายามใช้ชีวิตให้ร่าเริงไว้จนกว่าจะกลับมาแสดงครับ ถึงตอนแสดงค่อยสวิตช์ความรู้สึกกลับมาก่อนเข้าฉาก แต่ผมก็ไม่ได้เป็นคนที่สลัดความรู้สึกได้เก่งนัก ผมทำได้ทีละอย่าง ดังนั้นคืนก่อนที่จะแสดงผมจะบอกกับตัวเองว่ากำลังจะเล่นฉากไหน เพื่อให้ฟื้นความรู้สึกจากที่แสดงไปคราวก่อน ดึงความรู้สึกกลับมา และเมื่อได้อารมณ์แล้วก็เข้านอน ตื่นมาตอนเช้าความรู้สึกมันก็จะยังคงติดในหัว แม้กระทั่งมาถึงกองถ่ายแล้วเริ่มแต่งหน้า ความรู้สึกก็ยังอยู่ เวลาอยู่คนเดียวก็จะรู้สึกเหงา มันเลยทำให้ผมรู้สึกตอนกลับบ้านไปและรู้สึกว่าใช้ใจในการแสดงไปเยอะเลยครับ
- รู้สึกอย่างไรเมื่อได้เห็นผลงานที่เสร็จเรียบร้อยแล้ว
ผมทนดูบางฉากไม่ได้เลยครับ เพราะร้องไห้ตลอด ฉากที่ต้องมีการจากลากะทันหันนี่ไม่ได้เลย ร้องไห้ไม่หยุด
- สมาชิกวง Snow Man ได้ดูเรื่องนี้หรือยัง
ผมไปดูรอบพรีวิวกับราอูลครับ ผมร้องไห้เพราะว่าราอูลร้องไห้ ผมถึงขั้นบอกทีมงานให้เอากระดาษทิชชู่มาให้ผมหน่อย (หัวเราะ) ร้องไห้หนักมากจนแทบจะลุกจากเก้าอี้ไม่ไหวเลย ซึ่งตอนที่ผมดูหนังอยู่ผมได้ยินเสียงร้องไห้มาจากราอูลที่นั่งอยู่ถัดไป ผมเลยรู้สึกมีความสุขมากครับที่เขาได้เห็นงานที่ผมพยายามทุ่มเทอย่างหนักแบบนี้
- ปกติแล้วคอยเช็คผลงานเพื่อน ๆ ในวงบ้างไหม
ผมพยายามดูงานที่เพื่อน ๆ แสดงตลอดครับ และบอกพวกเขาว่าผมคิดอย่างไร การได้เห็นคนอื่นทุ่มเทอย่างหนักมันสร้างแรงบันดาลใจให้กับผม ผมคิดว่ามันจะทำให้ผมรู้สึกว่าต้องพยายามด้วยเหมือนกันครับ
- รู้สึกอย่างไรบ้างที่ได้แสดงเป็นตัวละครวัยรุ่นยุค 80s
เราถ่ายทำ ณ ฉากที่เซ็ตขึ้นมาให้เป็นสถานีรถไฟทากาดาโนบาบะในยุคนั้นเลยครับ มีรถจากยุคนั้นด้วย มันเป็นประสบการณ์ล้ำค่ามากสำหรับผลที่ได้มีโอกาสเห็นในสิ่งที่ผมไม่เคยเห็นมาก่อน มันสนุกมากที่ได้แสดงในฉากเหล่านี้ เป็นช่วงเวลาที่ดี ได้ใส่เสื้อผ้า เสื้อวงร็อคที่กำลังฮิตในตอนนั้น ซึ่งทีมงานบอกว่าสมัยก่อนเขาแต่งตัวกันแบบนี้ล่ะ ผมว่ามันสนุกมากครับ
- เคยทำงานพาร์ทไทม์ในร้านขายแผ่นเสียง คุ้นเคยกับมันไหม
มันมีช่วงหนึ่งครับที่แผ่นเสียงกลับมาฮิตอีกครั้ง แต่ส่วนตัวผมเองนี่ไม่เคยฟังจากเครื่องเล่นแผ่นเสียงด้วยซ้ำ ผมเองยังไม่ค่อยจะได้ฟังเพลงจากเครื่อง MD* เลยด้วยซ้ำ ผมมักจะไปร้านเช่าแผ่น MD แล้วไปหยิบเพลงประกอบภาพยนตร์มาฟังใน MD ของตัวเอง แต่ไม่เช่ากลับบ้านนะครับ (หัวเราะ)
*MD คือเครื่อง Sony MiniDisc เครื่องฟังเพลงรูปแบบหนึ่งที่ฮิตมาก ๆ ในประเทศญี่ปุ่น ยุค 90s ลักษณ์เป็นเครื่องฟังเพลงแบบพกพาโดยเล่นจากแผ่นซีดีขนาดเล็ก แต่เสียงมีคุณภาพดี
ถ้ามีโอกาสผมก็คงอยากจะได้เจอกับผู้คนที่ผมรักในชาตินี้ครับ
- ในหนังเรื่องนี้มีฉากที่ได้ดูภาพยนตร์ในโรงหนังด้วย ปกติเข้าโรงหนังบ่อยไหม
นานแล้วที่ไม่ได้ไปโรงหนังตั้งแต่ช่วงโควิด-19 ระบาดครับ ผมไม่ได้ไปดูกับคนกลุ่มใหญ่ ๆ แต่ก็เคยไปบ้า งผมชอบหนังแอ็คชั่นและหนังที่เล่าเรื่องเกี่ยวกับอารมณ์จริง ๆ ของมนุษย์ในด้านการจัดการความสมดุลระหว่างความรักและงานในชีวิตประจำวันครับ
- คุณเชื่อเรื่อง “การกลับชาติมาเกิด” ไหม
ตอนนี้ผมยังมีชีวิตอยู่ผมเลยไม่สามารถบอกได้ครับว่ามันมีจริงไหม และเมื่อถึงปลายทางจริง ๆ ก็ไม่มีใครรู้จริง ๆ อีกนั่นแหละ แต่ผมคิดว่ามันเป็นไปได้นะ เวลาคิดถึงเรื่องการกลับชาติมาเกิด ผมรู้สึกว่ามันสามารถเกิดขึ้นได้จริง การที่จะต้องลาจากใครสักคนมันเป็นเรื่องที่น่ากลัว แต่เมื่อคิดว่าเดี๋ยวก็จะได้กลับมาเกิดอีกครั้งมันทำให้รู้สึกมีความหวังเล็ก ๆ ผมยังไม่ได้คิดว่าถ้าเกิดใหม่ได้จริงจะทำอะไร แต่ถ้ามีโอกาสผมก็คงอยากจะได้เจอกับผู้คนที่ผมรักในชาตินี้ครับ
- สุดท้ายแล้ว อะไรคือที่ทำให้มีความสุขในช่วงนี้
ทุกวันนี้ผมงานยุ่งมากครับ แต่ผมมีความสุขนะ ก่อนที่ผมจะเดบิวต์ ผมอยากทำในสิ่งที่ผมทำอยู่ตอนนี้นี่แหละ แต่ตอนนั้นทำไม่ได้ ดังนั้น ตอนนี้ผมจึงมีความสุขที่ได้ทำในสิ่งที่อยากทำครับ
2 กุมภาพันธ์นี้ในโรงภาพยนตร์
ข้อมูลเพิ่มเติม: www.facebook.com/MongkolCinemaMovie
อ่าน “ชวนตามบารอนไปเที่ยวตามรอย 3 โลเคชั่นในภาพยนตร์ Whisper of the Heart!” คลิก