The Never Ending Story

The Never Ending Story ความผูกพันที่ไม่มีวันสิ้นสุดระหว่าง Super Junior และ ELF ชาวไทย

ช่วงเวลาที่ผ่านมา ต้องยอมรับว่าเรื่องราวความร่วมมือกันของกลุ่มแฟนคลับทั้งแฟนคลับศิลปินญี่ปุ่น ไทย จีน และเกาหลี มีบทบาทที่ชัดเจนขึ้นมากในสังคมไทย ดาโกะเองสนใจเกี่ยวกับวัฒนธรรมย่อยอย่างวัฒนธรรมหรือสังคมแฟนคลับศิลปินด้วยเช่นกัน ประกอบกับที่เรามีโอกาสได้พูดคุยกับกลุ่มแฟนคลับ Super Junior ซึ่งเป็นหนึ่งในทีมผู้จัดงาน “15th Anniversary of Super Junior’s Debut Photo Exhibition in Bangkok” never ending

งานนิทรรศการที่จัดขึ้นมาเพื่อฉลองครบรอบ 15 ปีการเดบิวท์ของวงเมื่อวันที่ 31 ตุลาคม – 1 พฤศจิกายน พ.ศ.2563 ที่ผ่านมา จึงนำเรื่องราวและแง่มุมน่ารักๆ เรื่องราวความผูกพันระหว่าง Super Junior และ ELF (Everlasting Friend) ชาวไทย มาฝากกันในวันนี้ ซึ่งเป็นวันครบรอบ 15 ปีพอดี!

The Never Ending Story

*บทความต่อจากนี้จะใช้ชื่อ “เอสเจ” ซึ่งเป็นชื่อย่อของวงในการเรียก Super Junior และ “เอลฟ์” ในการเรียกชื่อแฟนคลับของวงนี้

จุดเริ่มต้นในการจัดนิทรรศการครั้งนี้ เริ่มต้นจากอะไร

ถ้าอยู่ในสถานการณ์ปกติที่ไม่มีการแพร่ระบาดของโควิด-19 เราคิดว่าเอสเจน่าจะมีงานที่ไทยอยู่แล้ว เพราะปกติพวกเขาจะเดินทางมาที่ไทยอย่างน้อยปีละ 1 ครั้ง แต่พอเกิดสถานการณ์โควิดเลยทำให้ปีนี้ไม่มีโอกาสที่เอลฟ์กับเอสเจได้เจอกัน เกิดเป็นความคิดถึงจึงอยากจะจัดงานอะไรสักอย่างเพื่อให้พวกเราแฟนคลับคลายความคิดถึงลงได้บ้าง

รวมทั้งปกติถ้ามีคอนเสิร์ต แฟนคลับก็จะมีโอกาสได้มารวมตัว มาเจอกันเป็นประจำ พอเป็นแบบนี้ บางคนก็แทบไม่มีโอกาสได้พบปะกันเลย ประกอบกับปีนี้ครบรอบ 15 ปีที่วงเดบิวท์ด้วย พวกเราจึงตัดสินใจจัดงานครั้งนี้ขึ้นมาเพื่อเป็นการฉลองครบรอบ 15 ปี ในขณะเดียวกันก็ถือโอกาสในการสร้างพื้นที่นี้ให้แฟนคลับได้มาเจอกันเองด้วยเลยค่ะ

แล้วทำไมถึงเลือกจัดกิจกรรมครั้งนี้ในลักษณะนิทรรศการภาพถ่าย

เพราะเรารู้สึกว่าเอสเจเขาผูกพันทั้งกับประเทศไทยเองและกับเอลฟ์ไทยด้วย ซึ่งตลอด 15 ปีที่ผ่านมามันมีเหตุการณ์ต่างๆ มีภาพความทรงจำเยอะแยะมากมายที่เราอยากจะถ่ายทอดออกมาให้แฟนคลับทุกคนได้มาย้อนเวลาไปด้วยกัน

รู้สึกว่าการจัดแสดงภาพถ่ายทำให้แฟนคลับได้มามีส่วนร่วมกับตรงนี้ มาย้อนรำลึกภาพความทรงจำที่ผ่านมาตลอด 15 ปีด้วยกัน เช่น รูปจากบางงาน บางสถานที่ที่มันมีความหมาย มีเรื่องราวที่พอเห็นปุ๊บแล้วภาพเหตุการณ์ในวันนั้นมันชัดเจนขึ้นมาอีกครั้ง ให้ได้มองย้อนกลับไปว่าตลอด 15 ปีที่ผ่านมาเราผูกพันกันแค่ไหน จึงเลือกที่จะจัดเป็นนิทรรศการภาพถ่ายและจัดแสดงของสะสมขึ้นมาในครั้งนี้

The Never Ending Story

เล่าถึงคอนเซ็ปท์ของงานในครั้งนี้ให้เราฟังหน่อย

ชื่องานในครั้งนี้คือ “The Never Ending Story” ซึ่งก็ตรงตัวเลย เป็นเรื่องราวที่ไม่มีวันสิ้นสุด เหมือนความผูกพันระหว่างเอสเจกับเอลฟ์ที่จะไม่มีวันสิ้นสุดนั่นเอง คือไม่ได้จบแค่ปีค.ศ.2005 – 2020 แค่การครบรอบ 15 ปีในวันนี้ แต่ความผูกพันนี้จะมีอีกต่อไปเรื่อยๆ

อีกอย่างคือเอสเจเขาจะเปรียบเทียบตัวเองเป็นเหมือนดวงดาว 13 ดวง ธีมในการจัดงานครั้งนี้ก็เลยจะออกมาเป็นท้องฟ้า ดวงดาว (13 ดวง) แล้วเปรียบเอลฟ์เป็นท้องฟ้าที่คอยโอบล้อมพวกเขาไว้อีกทีนั่นเอง

ความคาดหวังของการจัดนิทรรศการในครั้งนี้

ความคาดหวังของเราหลักๆ แล้วก็คือการเป็นพื้นที่ให้แฟนคลับได้มาเจอกัน ได้คลายความคิดถึงที่มีต่อเอสเจลงได้บ้าง ซึ่งผลตอบรับดีนะ หลายคนที่เห็นรูปจากงานวันแรกก็เลยมางานวันที่ 2 มากันเยอะมาก แล้วเขาก็รู้สึกว่าการมางานนี้ทำให้เขาได้ย้อนเวลากลับไปในช่วงที่เขาเพิ่งเริ่มชอบเอสเจ เขาสามารถจำเหตุการณ์ได้ด้วยรูปที่เรานำมาจัดแสดง ก็รู้สึกดี แบบทุกคนมาในความคิดเดียวกันว่ามาเพราะคิดถึงเอสเจ อยากดูคอนเสิร์ต ก็เลยรู้สึกว่างานของเราก็ตอบโจทย์อยู่ไม่น้อย ทำให้พวกเขาหายคิดถึงเอสเจได้บ้าง

ที่จริง พวกเราอยากให้มีงานแบบนี้ทุกปีนะ แต่เพราะเราอยากให้มันออกมาดีเลยอยากทุ่มเทกับงานแต่ละครั้งให้เต็มที่ โดยปกติเราจะทุ่มเทกับโปรเจกต์ในคอนเสิร์ตเป็นหลัก แต่ก็คงต้องรอดูสถานการณ์ก่อนว่าในปีหน้าจะมีคอนเสิร์ตได้มั้ย

The Never Ending Story

The Never Ending Story

เล่าถึงความผูกพันระหว่างเอสเจกับเอลฟ์ไทยให้ฟังหน่อยว่าตลอด 15 ปีที่ผ่านมาเป็นอย่างไรบ้าง

ในมุมมองของแฟนคลับก็คือผูกพันกับเอสเจมากอยู่แล้วล่ะ แต่ในขณะเดียวกันสำหรับศิลปินวงนี้ พวกเขาเองก็ผูกพันกับเราเป็นพิเศษด้วย เพราะว่าประเทศไทยเป็นประเทศแรกที่บินมาโปรโมทนอกประเทศเป็นครั้งแรก (งานพัทยา มิวสิก เฟสติวัล) ซึ่งพวกเขามักจะพูดถึงเสมอว่าประเทศไทยเป็นประเทศแรกที่พวกเขามา แล้วก็มาบ่อยมาก อย่างน้อยปีละ 1 ครั้ง

การได้เจอกันบ่อยๆ ในช่วงตลอด 15 ปีที่ผ่านมาเลยทำพวกเรารู้สึกเหมือนว่าเอสเจกับเอลฟ์ เราเป็นเพื่อน เป็นครอบครัว เป็นทุกอย่างให้กันและกัน ซึ่งทุกครั้งที่ผ่านมา ทุกอย่างที่แฟนคลับพยายามสื่อสารไปถึงเอสเจ เอสเจก็จะรับรู้และมีรีแอคชันกลับมาเสมอว่าพวกเขารับรู้นะ เราเลยรู้สึกว่ามันไม่ใช่แค่เราให้อย่างเดียว แต่เราเองก็ได้รับบางสิ่งตอบกลับมาด้วย

The Never Ending Story

แล้วเหตุการณ์ไหนที่คิดว่ามีความหมายหรือจำได้ชัดเจนที่สุด

เรื่องที่จำได้เป็นเหตุการณ์ที่ทั้งสุขและเศร้าในเวลาเดียวกัน เพราะเป็นเหตุการณ์ตอนที่เอสเจมาจัดกิจกรรมที่ไทยแบบที่มีสมาชิกครบ 13 คนเป็นครั้งสุดท้ายที่ประเทศไทยพอดี เพราะฉะนั้นเวลาที่เรานึกถึงช่วงเวลาที่มีเอสเจครบวง 13 คนก็จะนึกถึงเหตุการณ์ในครั้งนั้น คืออย่างน้อยการที่เขาอยู่ครบ 13 คนครั้งสุดท้ายก็เป็นช่วงเวลาที่อยู่ในประเทศไทย

ข้อดี-ข้อเสียของการตัดสินใจเข้าสู่วงการแฟนคลับศิลปินเกาหลีหรือการเป็นแฟนคลับ Super Junior
ขอเป็นขอเสียก่อนเลยก็แล้วกันซึ่งที่จริงมันอาจจะไม่ใช่ขอเสียขนาดนั้นแต่ก็คือมีเรื่องให้ใช้จ่าย หรือต้องใช้เงิน แต่ถ้าถามว่าเสียเวลามั้ย เรามองว่าไม่เสียนะเพราะเรามองในแง่ของมูลค่าทางจิตใจ คือ ถึงแม้เราจะต้องใช้เวลากับมัน แต่เราก็ได้อะไรกลับมาจากสิ่งที่เราทุ่มเทไปเสมอ

และอีกเรื่องคือด้วยความที่เอสเจเป็นวงที่มีเรื่องราวเยอะแยะมากมาย ทั้งเรื่องสุข เรื่องเศร้า เรื่องดี หรือไม่ดี เพราะฉะนั้นในการเป็นแฟนคลับมันจึงไม่ได้ทำให้เรามีความสุขตลอดเวลา แต่นั่นแหละ มันเลยทำให้เราได้ผ่านช่วงเวลาที่มีทั้งความสุขหรือความทุกข์ไปพร้อมๆ กับพวกเขา ทำให้เรารู้สึกอิน รู้สึกได้เติบโตและก้าวผ่านเหตุการณ์ต่างๆ ไปด้วยกันด้วย

ส่วนข้อดีหลักๆ เลยก็คือเวลาที่เราท้อ เรารู้สึกแย่ ก็มีสิ่งนี้เป็นกำลังใจให้กับเรา เราไม่แน่ใจเหมือนกันว่าคนอื่นจะมีวิธีให้กำลังใจตัวเองยังไงบ้าง แต่สำหรับเราแค่เวลาได้ยินเสียงของพวกเขาจากเพลงที่พวกเขาร้อง ได้เห็นหน้าพวกเขา เราก็มีกำลังใจแล้ว

และอีกข้อคือการเป็นแฟนคลับช่วยทำให้เราได้พัฒนาทักษะต่างๆ ของตัวเองด้วย เช่น บางคนมีความสามารถด้านการออกแบบ พอมาจัดงานแบบนี้ ก็ได้ฝึกใช้ทักษะในการออกแบบที่ตัวเองมีอยู่ หรืออย่างทักษะการวาดรูป ถ่ายรูป กราฟฟิค ภาษาเกาหลี ความคิดสร้างสรรค์ ฯลฯ เพราะเราชื่นชอบเขาก็มีเขาเป็นแรงผลักดันให้เราอยากจะเก่งในทักษะที่เรามี ช่วยให้เราสามารถมีแรงผลักดันในการพัฒนาความสามารถของตัวเอง ซึ่งถือเป็นเรื่องดีมากๆ

The Never Ending Story


เขาก็อยากอยู่เพื่อเรา เราก็อยากอยู่เพื่อเขา


การที่เราสามารถเป็นแฟนคลับวงหนึ่งได้ยาวนานกว่า 15 ปี คิดว่าเป็นเพราะอะไร

อย่างที่พูดไปก่อนหน้านี้ว่าการที่เราชอบเอสเจ มันไม่ได้รู้สึกว่าเราให้เขาอย่างเดียว แต่เราได้อะไรกลับมาด้วย เอสเจเขารับรู้ทุกอย่าง ก็เลยคิดว่าส่วนนี้เป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้เราติดตามเขามาตลอด 15 ปี คือถ้าเอสเจไม่ได้เป็นแบบนี้ เราก็อาจจะไม่ได้ผูกพันหรือติดตามเขามาจนถึงทุกวันนี้

รีแอคชันจากศิลปินมีส่วนสำคัญมากที่ทำให้เรารู้สึกผูกพันได้ยาวนาน อีกทั้งตัวพวกเขาเองก็รักในสิ่งที่พวกเขาทำด้วย รักสมาชิกในวงด้วย รักแฟนคลับด้วย ก็เลยเป็นสิ่งที่นอกจากเราจะอยากให้เขาอยู่ด้วยแล้ว พวกเขาเองก็อยากให้เราอยู่ด้วยเช่นกัน เขาก็อยากอยู่เพื่อเรา เราก็อยากอยู่เพื่อเขา

เอสเจก็เป็นศิลปินอีกกลุ่มที่ไปทำการตลาดที่ญี่ปุ่น ในมุมมองของเอลฟ์ไทย มีมุมมองว่าอย่างไรบ้าง ทำไมเขาจึงสามารถตีตลาดที่ญี่ปุ่นได้

เอสเจเป็นไอดอลวงแรกที่ทัวร์คอนเสิร์ตและจัดแฟนมีตติ้งในญี่ปุ่น โดยที่ยังไม่ได้เดบิวท์ในประเทศญี่ปุ่นอย่างเป็นทางการ เริ่มจัดกิจกรรมโปรโมทตั้งแต่ปีค.ศ.2008 จนในที่สุดก็ได้เดบิวท์อย่างเป็นทางการด้วยอัลบั้มเต็ม HERO ในปีค.ศ.2013

สำหรับตัวเราเองคิดว่าเพราะคอนเซ็ปท์ของวงที่เป็นคนขี้เล่น ตลก เฮฮา เวลาอยู่บนเวทีคอนเสิร์ตหรือในงานอีเวนท์ต่างๆ พวกเขาจะเอนเตอร์เทนคนดูหรือแฟนคลับเก่งมากก็เลยน่าจะเป็นจุดหนึ่งที่ทำให้แฟนคลับญี่ปุ่นชอบ สมาชิกในวงเองก็เรียนภาษาญี่ปุ่นเพิ่มเติมเพื่อใช้สื่อสารกับแฟนคลับญี่ปุ่นด้วย เลยคิดว่าช่วยให้คนญี่ปุ่นเข้าถึงได้ง่ายมากขึ้น เพราะไม่มีปัญหาเรื่องกำแพงภาษา แล้วก็เรามองว่าวัฒนธรรมของคนญี่ปุ่นที่พอเขาชื่นชอบหรือสนใจอะไรแล้ว เขาก็จะอินมาก ทุ่มมาก ก็เลยทำให้เวลาที่เขาชอบเอสเจแล้วก็จะทุ่มมาก ไปตามดูทุกคอนเสิร์ตทุกรอบ ไปงานทุกงานในญี่ปุ่น เป็นต้น

อยากฝากอะไรถึงผู้อ่านมั้ย

เราเชื่ออยู่อย่างหนึ่งว่าไม่ว่าจะเป็นกลุ่มแฟนคลับหรือคนทั่วไปจะต้องรู้จักหรืออย่างน้อยก็เคยได้ยินชื่อ Super Junior เพราะเป็นวงที่อยู่มานานมากตั้งแต่ยุคบุกเบิก และพวกเขามักจะมีผลงานออกมาให้พวกเราได้ฟังกันตลอดไม่เคยหายไปนานๆ เลย เราเลยอยากให้แฟนคลับวงอื่นๆ หรือคนทั่วไปลองเปิดใจฟังเพลง ฟังผลงานของพวกเขาดู เพราะพวกเขาไม่ได้มีจุดเด่นแค่เรื่องเอนเตอร์เทนเก่ง หรือเรื่องสนุกสนานเฮฮา แต่เพลงของพวกเขาก็เพราะมากด้วยจริงๆ เลยอยากให้ลองเปิดใจฟังกันดูค่ะ

The Never Ending Story

15th Anniversary of Super Junior’s Debut Photo Exhibition in Bangkok
“The Never Ending Story”
จัดโดย THAIELF, SJProject_Th, 2KYUHYUN, 5forEUNHYUK, SEE U SIWON และ HAE-GIRLS

เรื่องและภาพ: ทัศวีร์ เจริญบุรีรัตน์


 

อ่าน “ได้เวลากระทำความหว่อง ณ The World of Wong Kar-Wai ’s Retrospective” คลิก

views