3 สถานที่สวย ๆ ที่ต้องปักหมุดไว้! แล้วเตรียมไปตามรอย Cherry Magic The Movie กัน!
จากมังงะ BL (Boy’s Love) สุดฮิตของอาจารย์ยู โทโยตะ ที่ขายได้มากกว่า 2 ล้านเล่ม กลายมาเป็นซีรีส์ที่สร้างปรากฏการณ์ไปทั่วเอเชีย กับ Cherry Magic! 30 ยังซิงกับเวทมนตร์ปิ๊งรัก จำนวน 12 ตอน และตอนพิเศษอีก 3 ตอนที่ออกอากาศในประเทศญี่ปุ่นเมื่อเดือนตุลาคมปี ค.ศ.2020 ทางช่อง TV Tokyo และแม้ว่าจะผ่านมาเกือบ 2 ปีแล้ว แต่ความนิยมในซีรีส์เรื่องนี้ก็ยังไม่ลดลง ยังคงมีแฟน ๆ คอยติดตามความเคลื่อนไหวอย่างเหนียวแน่น ด้วยเนื้อหาที่ทุกคนลงความเห็นว่าละมุนใจ สร้างความรู้สึกดี ๆ เกี่ยวกับความรักและความสัมพันธ์ ทุกคนจึงลุ้นให้มีการสานต่อเรื่องราวต่อจากซีรีส์ ซึ่งวันนี้ความฝันของทุกคนก็เป็นจริง! เวทมนตร์ปิ๊งรักที่เคยสะกดใจผู้ชมกลับมาอีกครั้งในรูปแบบภาพยนตร์พร้อมเรื่องราวใหม่ที่จะทำให้มีความสุขกันอีกครั้ง
พิสูจน์รักทางไกล แต่หัวใจใกล้กัน
สำหรับ Cherry Magic! หรือ チェリまほ นั้น เป็นเรื่องราวของอาดาจิ หนุ่มพนักงานบริษัทเครื่องเขียน Toyokawa วัย 30 ปี ที่ไม่ค่อยมีความมั่นใจในตัวเอง ใช้ชีวิตอย่างมืดมนมาตลอด เนื่องจากไม่กล้าที่จะเข้าหาใคร อาดาจิ มีเพื่อนซี้คือ ซึเกะ ซึ่งเป็นนักเขียนนิยายและเป็นคนที่คอยให้คำปรึกษาเขาเสมอ จนกระทั่งวันที่เขาอายุครบ 30 ปี จู่ ๆ ก็มีพลังวิเศษที่ว่าเมื่อแตะต้องตัวใครจะรู้ถึงจิตใจคนคนนั้นได้ พลังนี้ทำให้เขาได้รับรู้ว่าคุโรซาว่า หนุ่มสุดหล่อจากแผนกเซลส์ของบริษัทแอบหลงรักเขา แถมเป็นระดับที่เรียกว่าคลั่งรักแบบสุด ๆ มนตร์รู้ใจทำให้ทั้งสองคนเข้าใกล้กันมากขึ้น และทำให้อาดาจิได้พัฒนาตัวเองจากคนที่ไม่เชื่อมั่นในตัวเองจนกลายมาเป็นคนที่กล้าที่จะรักดูสักครั้ง เมื่อเขาได้สัมผัสถึงความรักของคุโรซาว่า จนทำให้ทั้งสองก็ได้ตกลงคบกัน
ถ้า 30 ยังซิงจะมีพลังวิเศษ จะเป็นการสานต่อความสำเร็จของเวอร์ชั่นซีรีส์ซึ่งได้ คานามิ ฮอนมะ โปรดิวเซอร์เวอร์ชั่นซีรีส์ และผู้กำกับ ฮิโรกิ คาซาม่า กลับมาทำหน้าที่เช่นเดิม รวมทั้งยังได้ ริโกะ ซาคากุจิ ผู้มีผลงานเขียนบท Fortuna’s Eye (2019) และ After the Rain (2018) มาทำหน้าที่เขียนบทภาพยนตร์ โดยเล่าเรื่องราวความรักที่เพิ่งเริ่มต้นขึ้นของอาดาจิและคุโรซาว่าที่กำลังอยู่ในช่วงข้าวใหม่ปลามัน แต่ก็ต้องเจอกับอุปสรรค เมื่ออาดาจิได้รับตำแหน่งใหม่ ทำให้ต้องย้ายไปทำงานที่นางาซากิ ที่ทำให้พวกเขาต้องห่างไกลกันถึง 1,200 กิโลเมตร ความรักที่ต้องเลือกระหว่างการก้าวหน้าในอาชีพการงานและการอยู่กับคนที่รัก พวกเขาจะก้าวข้ามผ่านอุปสรรคนี้ไปอย่างไร ต้องติดตาม
3 สถานที่ที่ต้องปักหมุดไว้แล้วเตรียมไปตามรอยกัน!
หลังดูภาพยนตร์เรื่องนี้จบแล้ว นอกจากจะทำให้เราคลั่งรักคุโรซาว่าและอาดาจิมากกว่าเดิม เพราะเป็นภาพยนตร์ที่ทำให้ยิ้มได้ไม่หุบ อบอุ่นไปหมดสมกับการมีพ่อไมโครเวฟอย่างคุโรซาว่าอยู่ในเรื่องนี้แล้ว ฉากแต่ละฉากในเรื่องนี้ยังสวย ชวนให้อยากไปตามรอยมาก ๆ อีกด้วย และด้วยความคลั่งรักนี้ เราจึงไปเสาะหาข้อมูลมาฝากเพื่อน ๆ กัน ไปค่ะ! ปักหมุดไว้แล้วเตรียมไปแสวงบุญ ตามรอยพ่อหนุ่มคุโรซาว่าและอาดาจิกัน!
ศาลเจ้านิตตะ (新田神社) เมืองโอตะ โตเกียว
ศาลเจ้าที่คุโรซาว่าและอาดาจิเดินทางไปขอพรปีใหม่ ศาลเจ้าแห่งนี้เป็นที่รู้จักกันในการขอพรให้พบกับความโชคดี อีกทั้งยังมีต้นเซลโคว่าอายุ 700 ปีที่ตั้งสูงตระหง่านอยู่ด้วย ต้นไม้ต้นนี้รอดจากเหตุการณ์ไฟไหม้มาหลายครั้งและยังรอดจากการโจมตีทางอากาศเมื่อปี ค.ศ.1945 ที่ทำให้ศาลเจ้าบางส่วนถูกทำลายอีกด้วย จึงเชื่อกันว่าใครที่ได้สัมผัสต้นไม้ต้นนี้จะมีสุขภาพที่ดีและอายุยืนยาว
ค่าเข้า: ฟรี
การเดินทาง: ใช้เวลาเดินประมาณ 5 นาทีจากสถานี Musahi-Nitta (สายTokyu Tamagawa)
NORO LODGE จังหวัดคานากาวะ
สถานที่ที่อาดาจิและคุโรซาว่าไปตกปลาและแคมปิ้งกัน เป็นฉากที่เห็นแล้วก็ทำให้อยากไปแคมปิ้ง แวะไปเอาเท้าจุ่มน้ำเย็น ๆ ในฤดูร้อนดูบ้าง NORO LODGE หรือชื่อเต็ม ๆ คือ Aonohara Noro Lodge Campsite ตั้งอยู่ที่เมืองซากามิฮาระ จังหวัดคานากาวะ เป็นสถานที่ตั้งแคมป์ที่ทำให้เราได้สัมผัสกับธรรมชาติของป่าเขาริมลำธารของแม่น้ำโดชิที่ใสสะอาด มีจุดที่หลายคนชอบไปกระโดดน้ำเล่น รวมทั้งยังมีน้ำตกโอตากิที่ใช้เวลาเดินประมาณ 25 นาทีจากจุดตั้งแคมป์ที่ถือเป็น 1 ใน 16 น้ำตกที่สวยงามของคานากาวะอีกด้วย
ชายหาดเซโตะฮามะ เมืองมินามิโบโซ จังหวัดชิบะ
ฉากนี้น่าจะเป็นอีกฉากที่ทำให้ใครหลายคนยิ้มไม่หุบ น่ารักแบบไม่มีอะไรมาขวางได้ แถมเป็นโลเคชั่นที่เอย์จิ อากะโสะ ถ่ายรูปและอัพลงอินสตาแกรมอีกด้วย ชายฝั่งเซโตะฮามะ เมืองมินามิโบโซ จังหวัดชิบะ แถมเป็นโลเคชั่นที่เอย์จิ อากะโสะ ถ่ายรูปอัพลงอินสตาแกรมอีกด้วย ท้องฟ้าสีฟ้ากับทะเลสีน้ำเงินที่ทอดยาวตลอดริมทาง และประภาคารสีขาวที่เห็นอยู่ไกล ๆ เป็นวิวที่ดี เหมาะแก่การทอดตัวลงนั่ง (หรือจะนอนเหมือนทั้งคู่) แล้วดื่มด่ำไปกับเสียงคลื่นทะเลพร้อมรับความสดชื่นจากสายลม โรแมนติกสุด ๆ
และนี่คือ 3 สถานที่ที่เราหยิบมาแนะนำกันสำหรับไว้ตามรอยภาพยนตร์เรื่องนี้ นอกจากสถานที่ต่าง ๆ ที่น่าไปตามรอยแล้ว อีกหนึ่งสิ่งที่ทำให้เรารู้สึกเพลิดเพลินที่ได้ดูเรื่องนี้มากยิ่งขึ้นก็คือเมนูอาหารที่คุโรซาว่าและอาดาจิผลัดกันปรุงให้แต่ละฝ่ายได้กินและลิ้มรสความอร่อย ดูแล้วอบอุ๊นอบอุ่น อบอุ่นทั้งอาหารทั้งบรรยากาศ ซึ่ง 3 เมนูที่เราเห็นในภาพยนตร์เรื่องนี้ก็คือ “野菜たっぷりポトフ” สตูเนื้อกับสารพัดผัก (Pot-au-feu), “チキンラーメン” ราเมงใส่เนื้อไก่ และ “安達特製・オムライス” ออมไรซ์สูตรฉบับของอาดาจิ (ที่ถ้าเป็นเราก็คงต้องนั่งจ้องแล้วอมยิ้มอยู่สักพักเหมือนกันถึงจะยอมกิน) เป็น 3 เมนูที่เห็นแล้วชวนหิวมาก ๆ
ส่วนใครที่ยังไม่ได้ดู ภาพยนตร์เรื่อง “CHERRY MAGIC THE MOVIE ถ้า 30 ยังซิงจะมีพลังวิเศษ” กำลังเข้าฉายในโรงภาพยนตร์อยู่นะ (เริ่มฉายตั้งแต่ 13 กรกฎาคม เป็นต้นมา) อย่าลืมไปดูกันล่ะ!
อ่าน “Special Interview: Kazuma Kawamura กับบทบาท ริว เคียวโกคุ ใน PRINCE OF LEGEND” คลิก
“มะม่วง – คนญี่ปุ่นผู้หลงรักเมืองไทยกับการสร้างสรรค์เพจญี่ปุ่นมั้ย” คลิก