“จินนี่ สาระโกเศศ”

ผู้หญิงอายุ 41 ปี ที่ปัจจุบันเป็นบรรณาธิการเนื้อหาของ TCDC
นอกจากนั้นยังเคยเป็นนักเขียน นักแปล นักวาดภาพอิสระ
และเจ้าของแบรนด์สีน้ำทำมือชื่อ Sunday Motivation
แรงบันดาลใจในวันหยุดของมนุษย์ออฟฟิศสามัญธรรมดาคนหนึ่ง

 


จากหญิงสาวที่มีโอกาสไปเรียนภาษาที่ประเทศญี่ปุ่น ได้ใช้เวลาตลอดหนึ่งปีครึ่ง ทุ่มเทกับการเรียน และทำงานพิเศษช่วงปิดเทอม นอกจากนั้นยังได้ออกเดินทางไปหาประสบการณ์ชีวิตใหม่ๆ ทั่วประเทศญี่ปุ่น และช่วงเวลานั้นเองที่ส่งผลต่อชีวิต ของเธอในเวลาต่อมา


1.ช่วยเล่าให้ฟังหน่อย ว่าตอนนี้ทำอะไรอยู่บ้าง

ตอนนี้ทำงานประจำอยู่ที่  TCDC  โดยเน้นดูแลส่วน Content สิ่งพิมพ์ในโปรเจ็กต์ใหญ่ๆ  เป็นหลัก ส่วนวันเสาร์-อาทิตย์ ก็ทำสีน้ำทำมือแบรนด์ของตัวเอง ซึ่งเป็นสิ่งที่ตัวเองสนใจ เพราะโดยพื้นฐานแล้วเราเป็นคนที่ชอบวาดรูปมาก่อน แล้วอยากผสมสีน้ำโทนที่ตัวเองชอบขึ้นมา ก็เลยเริ่มทดลองทำดู หลังจากนั้นก็ทำจริงจังมากขึ้น จนทุกวันนี้กลายเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตไปแล้ว

2.มันมีเริ่มจุดประกายมาจากอะไรไหมคะ นอกจากเรื่องความสนใจวาดภาพ และเขียนหนังสือแล้ว

สมัยก่อนเราได้เรียนวาดภาพประกอบมากับ ครูโต –  ม.ล.จิราธร จิรประวัติ พอเรียนวาดรูปก็ต้องผสมสีด้วย เราก็ลองผสมเป็นโทนสีแบบที่เราชอบ  แล้วก็วาดรูปจากสีที่เราผสมนั้น  แต่เพราะต้องทำงานประจำด้วย ก็ต้องเรียนๆ หยุดๆ แต่กลายเป็นว่าการวาดรูป และการเลือกใช้โทนสีแบบที่เราชอบ มันก็ยังคงซึมลึกอยู่ในตัวเราโดยที่เราก็ไม่รู้ตัวมาจนถึงทุกวันนี้


3.จุดเริ่มต้นของสีน้ำทำมือแบรนด์ Sunday Motivation

สักประมาณปีที่แล้ว เราไปเห็นสีน้ำในไอจี แล้วมันน่ารักมาก เราอยากได้มากเลย แต่พอดูราคาก็ตกใจมาก ตลับละพัน สองพัน ซึ่งเราก็มองว่าทำไมมันแพงขนาดนี้ ก็มีความสงสัยขึ้นมา หลังจากนั้นก็ลองเสิร์ชดูสิว่าทำไมมันถึงราคาแพงแบบนี้ ซึ่งในกูเกิ้ลก็ไม่มีใครบอกละเอียดจริงๆ หรอกว่าต้องผสมสีในสัดส่วนเท่าไร บอกแต่เพียงคร่าวๆ เท่านั้น ทีนี้พอลองเอามาทำเล่นดู ก็ค้นพบว่ามันไม่ใช่แค่การผสมสีออกมาละ มันมีเรื่องของการนำเบสธรรมชาติมาผสมกับสีด้วย ลึกๆ เลยก็อยากรักษาสิ่งแวดล้อม ใช้สีจากดิน สีจากธรรมชาติ จากแร่ธาตุ จากใบไม้ คือไปเจออะไรมาก็สามารถเก็บมาทำสีได้ อยากทำให้ได้แบบนั้นเลย แต่พอเราลองมาทำจริง ก็พบข้อจำกัดของสีธรรมชาติคือ พอมันไม่ใส่สารกันเสีย สารกันบูด สีมันก็จะขึ้นราง่ายด้วย

4.เพราะอยากมีสีน้ำพกพาในโทนสีแบบที่ชอบและสะดวกกับการใช้งาน

เราอยากผสมสีที่เราชอบเก็บไว้ใช้เลย ซึ่งมันจะสะดวกกับการใช้งานของเรามากกว่า ก็เลยลองค้นหาดูจากหนังสือว่าเขาทำกันอย่างไร แต่ไม่มีใครบอกเลย เราเลยต้องลองผิดลองถูกมาระดับหนึ่ง จนมีโอกาสวางขายที่ Warehouse 30 เป็นที่แรก ประมาณปีที่แล้ว  แล้วก็เริ่มทยอยวางหลายที่มากขึ้น ในขณะที่ เราก็มีการพัฒนาสินค้าไปพร้อมกันด้วย ทุกวันนี้ก็เลยลองผิดลองถูกมาเรื่อยๆ และเลือกใช้เบสธรรมชาติเป็นหลัก ส่วนอนาคตอยากให้มันไปถึงจุดที่เป็นสีออร์แกนิคธรรมชาติร้อยเปอร์เซ็น เรายากทำออกมานะแต่ก็ต้องค่อยๆ เป็นค่อยๆ ไป

5.ผลตอบรับหลังจากที่วางขายไปแล้ว

ด้วยความที่ Warehouse 30 นั้น ส่วนใหญ่จะเป็นกลุ่มนักท่องเที่ยวต่างชาติ ก็เลยเน้นขายสีน้ำทำมือชุดผลไม้ไทย ซึ่งจะมีสีลิ้นจี่ สีมะม่วง สีแตงโม สีมะละกอ ประมาณนั้นเลย ส่วนสถานที่อื่นๆ อย่างสตูดิโอ 360 ที่ห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัลเวิล์ด ก็พยายามเลือกโทนสีให้เหมาะสมกับกลุ่มลูกค้าของร้านนั้นๆ เพราะหลังจากที่ออกบูธเป็นระยะๆ ก็ทำให้เห็นว่าแต่ละกลุ่มลูกค้าที่มี ก็มีความชอบที่แตกต่างกัน  และเราอยากทำสีน้ำที่คนทุกคนสามารถซื้อได้ เป็นเจ้าของได้ เราจึงตั้ง ราคาประมาณนี้

6.ตอนนี้มีสีน้ำทำมือออกมาทั้งหมดกี่ชุดแล้วคะ

มี 6 ชุด  มี Wes, Thai Fruits, Little Japanese Forest, Kyoto,  Murakami และ Paris ส่วนหนึ่งของสีที่ผสมขึ้น ก็มีแรงบันดาลใจเกี่ยวกับญี่ปุ่น เพราะความโชคดีที่มีโอกาสได้เรียนญี่ปุ่นในระยะเวลาหนึ่งด้วย แล้วมันซึมอยู่ในตัวเราโดยไม่รู้ตัว อย่างชุดสีมูราคามิเองก็ได้จากการอ่านการเขียนของเราเหมือนกัน หรือ สีน้ำชุด Little Japanese Forest ก็ได้แรงบันดาลใจมากจากหนัง Little Forest คือหนังมันน่ารักมาก  เราดูแล้วเราคิดถึงสีโทน Sakura Pink, Lemon Yellow, Ichigo Red, Momo Peach และ Ice Blue อะไรทำนองนี้

7.นิทรรศการ Okashi Daisuki: An exhibition by Jinny นิทรรศการเดี่ยวครั้งแรกที่มีจุดเริ่มต้นมาจากอะไร

จุดเริ่มต้นมาจากที่เราไปเห็นแกลเลอรี่ 10ml. ในเฟสบุ๊ค เห็นว่าน่ารักดี มีสไตล์เป็นของตัวเองด้วย เคยส่งภาพไปจัดนิทรรศการร่วมกันครั้งหนึ่ง หลังจากนั้นคุยกันไปคุยกันมา ก็เลยกลายเป็นนิทรรศการนี้ขึ้น โดยมีคอนเซ็ปต์เกี่ยวกับขนมที่เราชอบอยู่แล้วด้วย เพราะโดยพื้นฐานแล้วเราเป็นคนชอบทำขนม หลังจากเรียนจบที่ญี่ปุ่นแล้ว เริ่มทำงานที่สนพ.วงกลม ก็ทำหนังสือไปพร้อมๆ กับเก็บเงินไปญี่ปุ่นอีก ไปอีกหลายรอบ แล้วก็ไปเรียนทำขนมด้วย เรื่องนี้จึงกลายเป็นว่ามันเป็นสิ่งที่อยู่ในตัวเรา จึงออกมาเป็นนิทรรศการนี้นั่นเอง ซึ่งพอมาดูงานแล้วจะรู้สึกว่าคนอายุ 20 วาด แต่จริงๆ เราอายุ 41 แล้วนะ (ยิ้ม) เราพยายามนำข้อคิดในชีวิตเรามาเล่า แล้วก็แทรกข้อคิดเล็กๆ น้อยๆ ไว้เยอะมากเลย

8.ศิลปะให้อะไรเกี่ยวกับชีวิตบ้าง

จริงๆ แล้ว เราวาดรูปก็เพราอยากวาดก่อน  แต่สิ่งที่ตามมามันมีความเกร็งอยู่ในตัว เรา กลัวว่าวาดไม่ได้ ถามว่าเรารู้สึกไหม เราก็รู้สึกนะ มันมีช่วงกลัวจะทำอะไรออกมาได้ไม่ดี แล้วการวาดสีน้ำ เป็นสีที่คนส่วนใหญ่จะเกร็งเป็นพิเศษ เพราะว่ามันดูวาดยากกว่าสีประเภทอื่น แล้วเราก็ได้มาค้นพบจากเพื่อนคนหนึ่ง ที่ปัจจุบันสอนศิลปะบำบัดอยู่ เขาสอนให้เรารู้จักกับการกำหนดลมหายใจเข้า และออกในการวาดภาพ  โดยส่วนตัวพอฝึกแล้วก็สัมผัสได้ว่าชีวิตเราเริ่มเป็นธรรมชาติมากขึ้น และกังวลกับเรื่องบางเรื่องน้อยลง ดังนั้นการเวิร์คช็อปที่จัดในระยะหลังๆ มานี้ เวลาคนมาเรียนแล้วเกร็ง เราจะแนะนำให้ใช้วิธีเดียวกันนี้ ซึ่งมันจะช่วยให้รู้สึกผ่อนคลายได้

 


“ความสุข คือ หลายอย่าง วาดรูปก็มีความสุข

วาดสีน้ำก็มีความสุข นอนอยู่บ้านก็มีความสุข”


 

9.ตอนนี้ความสุขในชีวิตของคุณคืออะไร

ความสุข คือ หลายอย่าง วาดรูปก็มีความสุข วาดสีน้ำก็มีความสุข นอนอยู่บ้านก็มีความสุข แล้วเรามีความโชคดีอยู่อย่าง คือเป็นคนหลับง่ายด้วย ส่วนการทำงานทุกวันนี้ ก็ยังหาแรงบันดาลใจ ดูนั่นดูนี่ ก็คือความสุขแล้ว มันเหมือนทุกอย่างในชีวิตนั้นซัพพอร์ตให้เราทำงานได้ดีขึ้น และมีบาลานซ์ในชีวิตขนาดที่พอดีกับตัวเราเอง


ติดตามผลงานของเธอเพิ่มเติมได้ที่  FB : Jinny Sarakoses และ IG : jinny_sundaymotivation


 

views