
“Kaiju” สัตว์ประหลาดญี่ปุ่นที่ไม่มีวันตาย
ปัจจุบันนี้ เรามักจะได้ยินคำว่า “ไคจู” (怪獣, Kaiju) ที่แปลว่า “สัตว์ประหลาด” คำศัพท์ภาษาญี่ปุ่นที่ได้รับการยอมรับในการใช้แบบสากลด้วยว่าหมายถึงเหล่าสัตว์ประหลาดและสัตว์ประหลาดขนาดยักษ์
ตั้งแต่เด็กผมเห็นสัตว์ประหลาดยักษ์ในหนังญี่ปุ่นมามากมาย ไม่ว่าจะเป็นก็อตซิลลา, กาเมร่า, มอธร่า หรือแม้แต่พวกสัตว์ประหลาดตัวโตในอุลตร้าแมน แล้วก็คิดว่า “วันหนึ่ง สัตว์ประหลาดตัวโตเหล่านี้ก็อาจจะหายไปตามกาลเวลา” แต่กลับกลายเป็นว่าแม้ยุคสมัยจะเปลี่ยนไปแค่ไหน สัตว์ประหลาดเหล่านั้นก็ยังคงมีเรื่องราวใหม่ ๆ ออกมาให้เราได้เสพ ได้ดูอยู่เสมอ และที่สำคัญโลกของสัตว์ประหลาดก็ขยายกว้างขึ้น จนไม่ได้อยู่แค่ในญี่ปุ่นอีกต่อไป แต่แพร่หลายไปทั่วโลกแล้ว
ฝั่งตะวันตกนั้น ในอดีตก็มีเรื่องราวของสัตว์ยักษ์บ้างเหมือนกัน เช่น คิงคอง สัตว์ประหลาดยักษ์ตัวโตสุดคลาสสิกที่ทุกคนรู้จักกันดี แต่ใครจะคาดคิดว่าวันหนึ่ง สัตว์ยักษ์จากสองฟากของโลกจะได้ร่วมวงปะทะกันในหนังใหญ่ระดับฮอลลีวูด ความโด่งดังของไคจูที่น่าจะดังที่สุดของฝั่งญี่ปุ่นอย่าง “ก็อตซิลลา” เริ่มถูกฝั่งตะวันตกนำไปเล่าใหม่และทำเป็นหนังใหญ่ครั้งแรกในปี ค.ศ.1998 แต่ด้วยความที่ฝรั่งดัดแปลงเจ้าไคจูสุดคลาสสิกนี้มากไป กระแสวิจารณ์จึงคว่ำไม่เป็นท่า จนผมก็อดคิดในใจว่าไคจูจะไปไม่รอดในแบบสากลซะแล้วเหรอเนี่ย
แต่แล้วเมื่อฝั่งฮอลลีวูดยังไม่ยอมแพ้ ยังพา Godzilla กลับมาอีกครั้งในปี ค.ศ.2014 แฟนบอยของเฮียก็อตฯ ก็เฮกันได้ เมื่อก็อตซิลลาคืนฟอร์มได้สวยงามบนจอใหญ่ ที่สำคัญยังเปิดแฟรนไชส์ใหม่ขึ้นมาทันที พร้อมแพลนที่จะเตรียมปูเรื่องให้ทั้งฝั่งก็อตซิลลาและคิงคองเข้าสู่จักรวาลและสมรภูมิเดียวกัน
แล้วยิ่งภาคต่อที่เป็น Godzilla : King of the Monsters (ค.ศ.2019) ที่ได้เอาเหล่าไคจูชื่อดังของญี่ปุ่นตัวอื่น ๆ อย่างมอธร่า คิงกิโดราห์ และเหล่าตัวย่อย ๆ ตัวอื่น ๆ มากันเพียบจนปลุกกระแสให้สัตว์ยักษ์เป็นที่รู้จักกันไปทั่วโลก ในขณะที่ฝั่งของคิงคองก็ทิ้งภาพจับผู้หญิง – ปีนตึก มาสร้างเส้นเรื่องจากโลกของ Skull Island จนมาปีนี้ที่ทั้งสองได้มาเจอกันในที่สุด ดึงเหล่าแฟนบอยของทั้งสองสายให้มารวมเป็นกลุ่มใหญ่ ทำหนังสเกลยักษ์จนโด่งดังไปทั่วโลกอีกครั้ง
ถึงแม้รอบนี้จะเป็นทางฝั่งตะวันตกเป็นคนรังสรรค์งานชิ้นนี้ ทำให้เรื่องถูกดึงน้ำหนักไปทางคิงคองมากไปหน่อย แต่ฝั่งก็อตซิลลาจากญี่ปุ่นก็ไม่ได้เสียฟอร์มเท่ ๆ ไป เรียกได้ว่ายิ่งนานวันฐานแฟนคลับเหล่าไคจูค่อย ๆ เพิ่มขึ้น จนอดคิดไม่ได้ว่าอีกหน่อยไคจูชื่อดังตัวอื่น ๆ อาจจะมีโอกาสมาโลดแล่นในฝั่งตะวันตกเพิ่มอีก
นอกจากนั้น ไม่เพียงแค่ในโลกภาพยนตร์ แม้แต่มังงะเรื่องใหม่ ๆ ที่กำลังมาแรงในปัจจุบันก็เป็นเรื่องราวของไคจูด้วยเช่นกัน เรื่องที่กำลังมาแรงและผมคิดว่าน่าจะขึ้นมาเป็นตัวท็อปของตลาดก็คือ “Kaiju No.8” จาก Shonen Jump+ มังงะที่ว่าด้วยเรื่องราวของหล่าไคจูที่ออกอาละวาดที่ญี่ปุ่น ตัวเอกมีอาชีพเก็บกวาดซากไคจูจนวันหนึ่งกลับได้รับพลังของไคจู กลายร่างเป็นไคจูขนาดเล็กเข้าต่อสู้กับไคจูยักษ์ทั้งหลายแทนไคจูหมายเลข 8 เป็นเรื่องที่กำลังเรตติ้งสูงขึ้นเรื่อย ๆ หรือแม้แต่เรื่องยอดมนุษย์ที่มีไคจูดัง ๆ เพียบอย่าง “อุลตร้าแมน” ก็ถูกนำมาเล่าต่อภาคใหม่ในแบบฉบับมังงะ และโด่งดังจนทำแอนิเมชั่นลง Netflix พร้อมออกสินค้าต่าง ๆ เช่น ของเล่น ออกมาดึงฐานแฟนคลับทั้งเก่าและใหม่อีกมากมาย
โลกของเหล่าสัตว์ประหลาดยักษ์ทั้งหลาย ยิ่งนานก็ยิ่งขยายวงกว้างขึ้นเรื่อย ๆ ขีดจำกัดของวัฒนธรรมก็ลดน้อยลง เส้นแบ่งของวัฒนธรรมเริ่มเลือนลางลงเรื่อย ๆ คนยอมรับกันมากขึ้นจนเรียกได้ว่าเหล่าไคจูทั้งหลายจากญี่ปุ่นคงไม่มีทางตายหรือหายไปจากพวกเราแน่ ๆ และคงจะมีแฟรนไชส์ใหม่ ๆ ให้เหล่าแฟน ๆ วัยผู้ใหญ่ได้อมยิ้มและตื่นเต้นเหมือนได้กลับไปเป็นเด็กอีกครั้ง พร้อมไปกับการสร้างฐานแฟนคลับเป็นเด็กรุ่นใหม่ ๆ เพิ่มเติม เหมือนกระแสของเหล่าซูเปอร์ฮีโร่ในช่วงที่ผ่านมา เพราะฉะนั้นในอนาคต วงการบันเทิงก็คงมีตัวเอกเป็นสัตว์ยักษ์ที่มีต้นกำเนิดมาจากเกาะญี่ปุ่นด้วย เป็นแน่แท้!!
เรื่องโดย Go Went Korn
คนบ้าที่อยู่นิ่งไม่ค่อยจะเป็น ชอบแบกกล้องออกไปหาที่กิน ที่เที่ยวตลอดเวลา แต่ก็กล้ามาบ่นว่าอ้วนอยู่ทุกวัน
แถมเอาเวลาที่ควรจะนอน มาเผากับเกม มังงะ และซีรีส์ จนขอบตาคล้ำน่าจับไปขังในสวนสัตว์
(แต่ก็คงแหกกรงออกไปเที่ยวอีกอยู่ดี)
“Blue Period การ์ตูนที่มากกว่าการ์ตูนศิลปะ ที่เราไม่อยากให้คุณพลาด” คลิก
“ซีนเขิน ๆ ที่ต้องมีในซีรีส์ญี่ปุ่น” คลิก