ทุกเรื่องราวน่าสนใจ ก่อนไปดู Teasing Master Takagi-san

ทุกเรื่องราวน่าสนใจ ก่อนไปดู Teasing Master Takagi-san

และแล้วก็ถึงเวลาที่แฟน ๆ จะได้ดูภาพยนตร์เรื่อง “แกล้งนัก รักนะรู้ยัง?” (Teasing Master Takagi-san, からかい上手の高木さん) เรื่องราวความรักที่แสนน่ารักของเด็กนักเรียนชายหญิงวัยมัธยมที่แกล้งกันไปแกล้งกันมาจนเกิดความรักที่ทำให้หลายคนน้ำตาซึมไม่รู้ตัว แต่งเรื่องและวาดภาพโดย โซอิชิโร ยามาโมโตะ ที่ถ่ายทอดความหวานใสและความรู้สึกต่าง ๆ ของเหล่าวัยรุ่นออกมาได้โดนใจจนมังงะขายดีด้วยยอดขายถึง 12 ล้านก็อปปี้ แลได้รับการดัดแปลงเป็นสื่อต่าง ๆ มากมายทั้งซีรีส์ อนิเมะ และวีดีโอเกม และตอนนี้ได้กลายมาเป็นภาพยนตร์ Live-Action ที่เป็นเรื่องราวที่เล่าเรื่องต่อจากเวอร์ชั่นซีรีส์ โดยเป็นช่วงเวลา 10 ปี หลังจากนั้น

ทุกเรื่องราวน่าสนใจ ก่อนไปดู Teasing Master Takagi-san (แกล้งนัก รักนะรู้ยัง?)

นิชิคาตะ” เด็กชายมัธยมต้นที่อาศัยอยู่ที่เมืองโทโนโช แห่งเกาะโชโดชิมะ จังหวัดคางาวะ เขามักจะถูกแกล้งโดย “ทาคากิ” เด็กสาวที่นั่งข้าง ๆ เขาอยู่เสมอ แม้ว่านิชิคาตะจะพยายายามมากแค่ไหนที่จะหาเรื่องมาแกล้งคืนเพื่อเอาชนะทาคากิ แต่เธอก็แก้เกมได้ตลอดจนนิชิคาตะเป็นฝ่ายทั้งอายทั้งเขินอยู่ตลอดเวลา เพราะไม่ใช่ว่าเป็นการแกล้งกันเล่น ๆ แต่ว่าหลายครั้งที่ทาคากิก็แอบจีบแอบหยอดใส่เขาอยู่เสมอ เนื่องจากในความจริงแล้วที่เธอแกล้งเขาซะขนาดนั้นก็เพราะว่าทาคากิเองตกหลุมรักในความน่ารักและใจดีของนิชิคาตะ จนกระทั่งวันหนึ่งทาคากิมีเหตุต้องจากเกาะนี้ไป ทำให้ความรักของพวกเขาได้หยุดลง

แต่แล้วเมื่อเวลา 10 ปีผ่านไป นิชิคาตะได้เติบโตขึ้นมากลายเป็นคุณครูสอนวิชาพละที่โรงเรียนเก่าที่พวกเขาเคยเรียน และทาคากิได้กลับมาเป็นครูฝึกสอนที่นี่ด้วยเช่นกัน เข็มนาฬิกาของ “การแกล้ง” และ “ความรัก” ที่เคยหยุดไปตอนนี้ก็ได้กลับมาขยับอีกครั้ง ทว่าตอนนี้พวกเขาไม่ใช่เด็ก ๆ กันอีกต่อไปแล้ว


ความสัมพันธ์ที่ห่างหายกันไปนานถึง 10 ปี จะแปรเปลี่ยนไปเป็นแบบไหนกันนะ…


สานต่อจากเวอร์ชั่นซีรีส์สู่จอภาพยนตร์ เวอร์ชั่นซีรีส์ Live-Action ของมังงะ ออกอากาศทางช่อง TBS ตั้งแต่ 2 เมษายน – 21 พฤษภาคม 2024 และเผยแพร่ในระบบสตรีมมิ่งไปทั่วโลกทาง Netflix กำกับโดย ริคิยะ อิมาอิซุมิ ได้นักแสดงดาวรุ่งมาแรง โซยะ คุโรคาว่า หรือ ศุภศร โซยา คุโรคาว่า ลูกครึ่งไทย-ญี่ปุ่นที่มีชื่อเสียงจากผลงานภาพยนตร์เรื่องเยี่ยม Monster (2023) ของผู้กำกับชื่อดัง ฮิโราคาสุ โคเรเอดะ มารับบทเป็น นิชิคาตะ ส่วนทาคากิ รับบทโดย รูอิ สึกิชิมะ นักแสดงดาวรุ่งที่เคยมีผลงานแสดงหนังเรื่อง Drawing Closer (2024) และได้ Aimer ศิลปินดังมาทำเพลงธีมประกอบให้กับซีรีส์ในเพลงที่ชื่อว่า Haruka (遥か) ซึ่งเพลงนี้ได้นำมาใช้ประกอบในเวอร์ชั่นภาพยนตร์ด้วย

ซีรีส์ได้รับความนิยมอย่างมากและได้รับคำชมอย่างล้นหลามโดยเฉพาะจากนักแสดงนำทั้งสองที่ผู้ชมต่างหลงรักและให้ความเห็นว่า “เหมือนพวกเขากระโดดออกมาจากมังงะเลย” หรือ “ทาคากิ กับนิชิคาตะ มี8วามน่ารักบริสุทธิ์มาก พวกเขาน่ารักกันสุด ๆ” หลังจากได้เผยแพร่ทาง Netflix ก็ได้รับความนิยมไปทั่วโลก สามารถติดอันดับใน Top 10 ของซีรีส์ที่ได้รับความนิยมประจำสัปดาห์ในประเทศแถบเอเชียหลายประเทศทั้ง ไต้หวัน ฮ่องกง และฟิลิปปินส์

ผู้กำกับ ริคิยะ อิมาอิซุมิ มีผลงานการสร้างภาพยนตร์อินดี้มาหลายเรื่อง เขาเป็นผู้กำกับที่ได้รับคำชมด้านการนำเสนอความสมจริงในด้านความรักและความโรแมนติก อย่างผลงานอย่างเรื่อง Call Me Chihiro (2023), Undercurrent (2023) โดยได้นักแสดงยอดนิยมอย่าง ฟูมิยะ ทาคาฮาชิ และ เมย์ นากาโนะมานำแสดง

เวอร์ชั่นภาพยนตร์นี้ดัดแปลงมาจากมังงะ Spin-off เรื่อง “Teasing Master (Former) Takagi-san” ซึ่งเป็นภาคที่เล่าเรื่องราวในอนาคตของ นิชิคาตะ กับทาคากิ ที่แต่งงานกันแล้วและมีลูกสาวด้วยกันหนึ่งคน มาดัดแปลง ซึ่งผู้กำกับ อิมาอิซุมิ ได้อธิบายว่า

“เราพยายามดัดแปลงกันอย่างระมัดระวังครับ เราต้องการทำเรื่องราวของทั้งสองคนที่จะนำไปสู่จุดนั้น โดยมีสำนักพิมพ์มังงะต้นฉบับเข้าร่วมมีส่วนร่วมด้วย เพื่อที่จะให้ผู้เขียนซึ่งเป็นเจ้าของเรื่องราวและแฟนๆ ของผลงานต้นฉบับจะสนุกไปกับมันด้วย เพราะว่ามันเป็นอนาคตที่ว่าพวกเขาจะได้อยู่ด้วยกันอย่างมีความสุขแล้ว โปรดิวเซอร์ได้เสนอชื่อของ นากาโนะกับทาคาฮาชิขึ้นมาในช่วงตอนคัดเลือกนักแสดงและผมก็คิดว่าพวกเขาเพอร์เฟ็กต์มากสำหรับบทนี้ ในความจริงแล้วผมเจอพวกเขาครั้งแรกก็ตอนที่มาลองเสื้อผ้าเลย แล้วผมก็คิดว่านี่แหละใช่เลย คงไม่เป็นการกล่าวเกินจริง ถ้าจะบอกว่าหนังเรื่องนี้มันออกมาดีได้ก็เพราะพวกเขาทั้งสองเลย”


10 ปี มีอะไรเปลี่ยนแปลงไหม


เวอร์ชั่นภาพยนตร์ Live-Action เป็นช่วงเวลที่ไม่มีในมังงะต้นฉบับ ดังนั้นการตีความในช่วง 10 ปีที่ได้กลับมาพบกันนั้นเป็นสิ่งที่ท้าทายว่าจะนำเสนอออกมาเป็นอย่างไร ผู้กำกับ ริคิยะ อิมาอิซุมิ ได้สานต่อเรื่องราวของพวกเขาจากในซีรีส์โดยมีประเด็นที่เข้าตั้งไว้ในใจว่า “พฤติกรรมของพวกเขาไม่ได้เปลี่ยนไปตั้งแต่พวกเขาอยู่ชั้นมัธยมต้น แต่ว่าภายในจิตใจของพวกเขาได้เปลี่ยนไปแล้ว มันคือสิ่งที่ผมได้คำนึงถึงอยู่เสมอในเวลที่ผมถ่ายทำ”

เหตุผลที่ นิชิคาตะได้มาเป็นครูสอนที่โรงเรียนเก่าก่อนทาคากิ เป็นสิ่งที่ผู้กำกับตั้งใจไว้อยู่แล้วเพื่อเพิ่มความห่างของพวกเขานอกเหนือจากเวลาที่ไม่ได้เจอกัน “ทาคากิตัดสินใจที่จะเข้าเรียนมหาวิทยาลัยช้า เพราะว่าเธอได้ไปประเทศฝรั่งเศสเพื่อเรียนด้านศิลปะ ถ้าผมจะให้พวกเขาได้เจอกันอีกครั้งในโรงเรียนเก่า ผมอยากที่จะสร้างความสัมพันธ์ที่มีความห่างเหินเล็กน้อย แต่ว่านิชิคาตะก็ยังคงถูกทาคากิแกล้งอยู่ดีนะครับ”


การพบกันครั้งแรกของคู่พระ-นาง


ฟูมิยะ ทาคาฮาชิ และ เมย์ นากาโนะ เพิ่งได้ร่วมงานด้วยกันครั้งแรกในเรื่องนี้ด้าน แต่พวกเขาก็จูนกันได้อย่างรวดเร็ว “ฉันคิดว่าเขาเป็นคนที่จริงจังกับบทบาทและการทำงานมากค่ะ ต้องขอบคุณที่ทาคาฮาชิซังเป็นคนที่เป็นกันเองมาก ทำให้เราสามารถพัฒนาความสัมพันธ์ไปจนถึงจุดที่เราสามารถหยอกล้อแกล้งกันได้เหมือนกับ ทาคากิกับนิชิคาตะ ในบางมุมฉันคิดว่าเราเป็นเหมือนกับพี่น้องกันเลยค่ะ” เมย์ นากาโนะ กล่าว

ด้านฟูมิยะ ทาคาฮาชิก็เผยว่า “ผมเองก็มองเห็นว่านากาโนะซักเป็นคนที่สดใสมาก เธอสามารถทำให้คนที่อยู่รอบข้างมีความสดชื่นไปด้วย เธอเป็นคนที่เหมือนอย่างที่ผมคิดว่าเธอจะเป็น เธอทั้งเฟรนด์ลี่ คุยด้วยง่าย แม้ว่าเธอจะชอบแกล้งผมจริง ๆ แต่ผมก็รู้สึกสบายใจที่ได้ร่วมงานกันครับ”


“Long take” เพื่อสื่อสารจากหัวใจ


Long take หรือ การถ่ายทำภาพยนตร์โดยที่ไม่มีการสั่งคัทจนกว่าจะถ่ายทำฉากนั้นจบ ถ้าหากเกิดข้อผิดพลาดใด ๆ ก็จะต้องเริ่มต้นใหม่ตั้งแต่ต้น อีกหนึ่งลายเซ็นของผู้กำกับ ริคิยะ อิมาอิซุมิ ซึ่งเขาก็ตั้งใจให้หนังเรื่องนี้มีฉาก Long Take เพื่อให้สื่อถึงอารมณ์ของทาคากิกับนิชิคาตะได้อย่างต่อเนื่องไม่มีสะดุด โดยฉากที่อยากให้จับตาคือการพูดคุยของพวกเขาในห้องเรียนซึ่งเป็นฉากไคลแม็กซ์

ทุกเรื่องราวน่าสนใจ ก่อนไปดู Teasing Master Takagi-san (แกล้งนัก รักนะรู้ยัง?)

“ทั้งสองคนนั่งอยู่ข้าง ๆ กันในห้องเรียนและพูดถึงความรู้สึกของพวกเขาออกมาโดยมีกล้องบันทึกภาพเอาไว้จากทางด้านหน้าของพวกเขา ผมไม่อยากจะเปลี่ยนอะไรมากในฉากที่สำคัญ ผมอยากให้ผู้ชมได้รับประสบการณ์ ห้า หรือ สิบนาทีที่ผ่านไปในภาพยนตร์ด้วยมุมมองที่มองเข้าไปยังห้องเรียน มันมีสิ่งที่มองไม่เห็นเมื่อคุณตัดต่อหรือว่าใส่เพลงเข้าไป อย่างเช่น การแสดงออกโดยนัย , การหายใจ หรือกระทั่งการจ้องมอง ผมอยากที่จะสร้างความรู้สึกว่ามีพวกเราอยู่แค่นี้กันสงคน ผมจึงไม่อยากเคลื่อนกล้อง ถ้ากล้องเคลื่อนที่มันทำให้รู้ว่ามีใครบางคนกำลังบังคับกล้องนี้อยู่”

ในการทำฉากสำคัญนี้ทั้งสองนักแสดงมีการซักซ้อมด้วยกันมาอย่างดีก่อนที่จะเข้าฉาก แต่ว่าเพื่อความสมบูรณ์ที่สุด พวกเขาถึงได้ถ่ายฉากไคลแม็กซ์แบบ Long Take นี้ไปถึง 10 ครั้งด้วยกัน


หวนคืนสู่บ้านเกิด


แม้ว่าในผลงานต้นฉบับจะไม่ได้ระบุว่าสถานที่อยู่ที่ไหน แต่ว่าฉากหลังของเรื่อง ที่เป็นที่เคารพรักของเวอร์ชั่นอนิเมะ และยังเป็นบ้านเกิดของโซอิชิโร ยามาโมโตะ ผู้แต่งด้วยนั่นก็คือเกาะโชโดชิมะ ทำให้ทีมผู้สร้างภาพยนตร์ยกกองกันไปถ่ายทำกันที่นี่ ทางทีมงานได้ไปสำรวจโรงเรียนมัธยมต้นโทโนะโช ที่เป็นต้นแบบของโรงเรียนในเวอร์ชั่นอนิเมะ ที่สามารถเห็นวิวทะเลได้จากหน้าต่าง พวกเขาก็คิดว่าไม่มีที่ไหนอีกแล้วที่จะถ่ายทำได้แบบนี้ ผู้กำกับ อิมาอิซุมิ เผยว่า“ผมรู้สึกดีใจมากที่สามารถยืมโรงเรียนมาเป็นสถานที่ถ่ายทำได้ในช่วงปิดเทอมหน้าร้อน ไม่เพียงแต่โรงเรียนเท่านั้น แต่ว่าสถานที่ต่าง ๆ และบรรยากาศในเกาะนี้ได้ช่วยผมมาก ผมคิดว่าคนคงคิดว่าถ้าทั้งสองคนได้เติบโตในที่แบบนี้พวกเขาก็คงความใสบริสุทธิ์เอาไว้ได้แม้ว่าพวกเขาจะเติบโตเป็นผู้ใหญ่แล้ว”

ด้านอาจารย์ โซอิชิโร ยามาโมโตะ ได้เผยความรู้สึกหลังจากรับชมเวอร์ชั่นภาพยนตร์แล้วว่า “ผมคิดว่ามันจะต้องเป็นเรื่องยากสำหรับนักแสดงทั้งสองที่ต้องแสดงในช่วงอายุที่ไม่ได้นำเสนอในมังงะ ผมรู้สึกซาบซึ้งในมากที่พวกเขาเข้าในตัวละครของทาคากิและนิชิคาตะและแสดงเป็นพวกเขาอย่างใส่ใจ ผมคิดว่าทีมงานจะต้องพบกับความยากลำบากแน่ๆ ในการถ่ายทำในช่วงหน้าร้อนที่อากาศแผดเผา แต่ผมก็ขอขอบคุณที่มาถ่ายทำที่บ้านเกิดของผม และผมตั้งตารอคอยที่จะได้ดูผลงานของนักแสดงนำทั้งสองคนต่อไปอีกในอนาคตครับ”

ด้วยองค์ประกบที่ครบถ้วน ทั้งผู้กำกับ นักแสดงและการแสดงและเรื่องราว หนังออกฉายที่ญี่ปุ่นเมื่อวันที่ 22 กรกฎาคม 2024 และทำรายได้ไปมากถึง 590 ล้านเยน


การท่องเที่ยวโชโดชิมะ


ความโด่งดังของมังงะและอนิเมะ ทำให้เมืองโทโนะโช (土庄町 ) แห่งเกาะโชโดชิมะ กลายเป็นสถานที่ที่มีผู้มาตามรอยเป็นจำนวนมาก เมืองนี้เป็นบ้านเกิดของ โซอิชิโร ยามาโมโตะ ผู้เขียนมังงะเรื่องนี้ด้วยซึ่งเวอร์ชั่นอนิเมะก็ได้นำสถานที่สำคัญต่าง ๆ มาเป็นฉากหลังทำให้แต่ละมุมเมืองได้นำเสนอออกสู่สายตาคนในวงกว้าง

ในเวอร์ชั่นภาพยนตร์ก็เช่นกัน หนังได้พาผู้ชมไปยังสถานที่สวย ๆ ที่เป็นแลนมาร์กของเมือง และมีการร่วมมือกับทางการ ล่าสุดทางการท่องเที่ยวของโชโดชิมะได้จัดนิทรรศการพิเศษของภาพยนตร์ จัดขึ้นที่สถานที่สองแห่งบนเกาะโชโดชิมะที่ Gallery KUROgO ใน Twenty-Four Eyes Film Village มีการจัดแสดงอุปกรณ์ประกอบฉาก เครื่องแต่งกาย และลายเซ็นที่ใช้ในการถ่ายทำ และที่สำนักงานขายตั๋วท่าเรือ โทโนโช มีการจัดแสดงภาพจากภาพยนตร์เอาไว้ให้แฟน ๆ ได้แวะไปเยี่ยมและถ่ายรูปด้วย (ระยะเวลาจัดแสดงนิทรรศการคือจนถึงวันที่ 1 กันยายน 2024 ที่ผ่านมา)

เมืองโทโนะโช และเกาะโชโดชิมะเป็นสถานที่น่ารักและมีเสน่ห์ เคยเป็นฉากหลังของการ์ตูนดังอย่าง “Kiki’s Delivery Service” และหนังสุดซึ้งอย่าง The 8-Year Engagement

ปัจจุบันมีประชากรราว 12,915 คน เป็นเมืองที่ตั้งอยู่ตอนทางชายฝั่งทิศตะวันตกของเกาะโชโดชิมะ ซึ่งเป็นเกาะที่ใหญ่เป็นอันดับที่สองของทะเลเซโตะ มีผู้มาตั้งรกรากบนเกาะแห่งนี้ย้อนความไปได้ไกลถึงศตวรรษที่ 8 เมืองนี้ก่อตั้งขึ้นอย่างเป็นทางการในปี 1898 และมีผลิตภัณฑ์ท้องถิ่นที่สำคัญคือ น้ำมันงา มะกอก เส้นโซเม็ง รวมถึงการประมง และการท่องเที่ยวถือเป็นอุตสาหกรรมที่สำคัญ

การท่องเที่ยวของเกาะโชโดชิมะและเมืองโทโนะโชได้รับการส่งเสริมมานานแล้ว ซึ่งมีสถานที่น่าสนใจหลายแห่งที่น่าแวะไปเยี่ยมเยือน เช่น

1. มิจิโนะเอกิ สาขาสวนสาธารณะโชโดะชิมะโอลีฟ (Michi no Eki Shodoshima Olive Park) สถานีริมทางที่เอาไว้แวะพักผ่อนหย่อนใจ ที่นี่มีมุมชมวิวสวย ๆ มีพิพิธภัณฑ์ที่บอกเล่าการปลูกมะกอก และยังเช่าไม้กวาดเพื่อถ่ายรูปตามรอย Kiki’s Delivery Serviceได้ด้วย
2. แองเจิลโรด (Angel Road) สันทรายธรรมชาติความยาว 500 เมตรที่กลายเป็นทางเดินเชื่อมไปยังเกาะเล็ก จะปรากฎเมื่อเวลาน้ำลงเป็นเวลาเพียงแค่ 2 ชั่วโมง ซึ่งแต่ละวันจะมีเวลาไม่ตรงกันจะต้องเช็คเวลาก่อนเพื่อที่จะข้ามไป เป็นสถานที่ที่หนุ่มสาวมักจะพาคู่รักไปเที่ยวด้วยกัน
3. ช่องแคบโดฟุจิ (Dofuchi Strait) ช่องแคบที่ได้รับการบันทึกจาก Guinness World Records ไว้ว่าเป็นช่องแคบที่แคบที่สุดในโลกด้วยความยาว 2.5 กิโลเมตร แต่กว้างเพียง 9.93 เมตรเท่านั้นจนดูคล้ายกับว่าเป็นเพียงแม่น้ำ มีสะพานข้ามช่องแคบทั้งหมด 3 สะพาน และสามารถขอใบรับรองจากศาลากลางเมืองของโทโนะโชได้ว่าได้ข้ามช่องแคบที่แคบที่สุดในโลกมาแล้ว โดยมีค่าออกใบรับรอง 100 เยน

นอกจากนี้ยังมีสถานที่ที่น่าแวะไปอีกหลายแห่ง เช่น ศาลเจ้าคาชิมาเมียว โรงเรียนมัธยมต้นโทโนะโช ศาลเจ้าทามามิตสึ หรือ หอสมุดกลางเทศบาล เป็นต้น


นักแสดงนำเรื่อง Teasing Master Takagi-san (แกล้งนัก รักนะรู้ยัง?)


นิชิคาตะ รับบทโดย ฟูมิยะ ทาคาฮาชิ
นิชิคาตะ จากหนุ่มน้อยที่ได้แต่เขินกับการแกล้งของทาคากิ ตอนนี้เขาได้กลายมาเป็นครูพละของโรงเรียนที่เขาเรียนจบมาแล้ว และปัจจุบันเป็นครูประจำชั้นของ ม.2 ห้อง 3

เกี่ยวกับนักแสดง
ฟูมิยะ ทาคาฮาชิ เป็นนักแสดงหนุ่มที่กำลังมาแรงแห่งยุค เขามีผลงานน่าสนใจมากมาย เริ่มต้นจากการแสดงนำใน Kamen Rider Zero-One มีผลงานซีรีส์ที่โดดเด่น เช่น I Will Be Your Bloom, Dr. White, Fermat’s Cuisine และเคยได้รับรางวัล Newcomer of the Year จากเรื่อง Our Secret Diary จากเวที 47th Japan Academy Film Prize และกำลังจะมีผลงานการแสดงภาพยนตร์เรื่อง Blue Period

ทาคากิ รับบทโดย เมย์ นากาโนะ
หลังจากเธอได้จากเกาะโชโดชิมะ ผ่านมา 10 ปี เธอก็ได้หวนคืนกลับมาที่นี่อีกครั้ง ด้วยความรู้สึกดี ๆ ที่ยังคงมีให้กับนิชิคาตะ ตอนนี้เธอได้มาเป็นครูฝึกสอนในโรงเรียนเดียวกัน และเธอก็อยากจะแกล้งเขาอีกครั้ง

เกี่ยวกับนักแสดง
เมย์ นากาโนะ นักแสดงผู้มีผลงานที่โดดเด่น เธอได้เข้าชิงรางวัลจากเวทีต่าง ๆ มาแล้วหลายครั้ง มีผลงานเด่นทั้งภาพยนตร์และซีรีส์ เช่น Mr. Hiiragi’s Homeroom, It’s a Flickering Life, My Broken Mariko, Burn the House Down รวมถึงแสดง Music Video ผลงานการพากย์เสียง และกำลังจะมีผลงานภาพยนตร์ใหม่เรื่อง Cells at Work!

Teasing Master Takagi-san (แกล้งนัก รักนะรู้ยัง?) 12 กันยายนนี้ ในโรงภาพยนตร์


อ่าน “ครั้งแรกในไทยของ Girls² กับการปรากฏตัวในงานมหกรรมญี่ปุ่นที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย NIPPON HAKU BANGKOK 2024!คลิก

views