孤独死

ความตายกับคนชายขอบ


Kodokushi (孤独死) หรือ การตายอย่างโดดเดี่ยว เป็นเหตุการณ์ที่ตอนนี้สังคมญี่ปุ่นกำลังเผชิญอยู่ คุณลองคิดภาพห้องเล็กๆ ห้องหนึ่ง ปราศจากการดูแลและการติดต่อมาเยี่ยมจากคนอื่นๆ เป็นเวลานาน จนตอนนี้ส่งกลิ่นเหม็นเน่าที่แยกไม่ออกว่าเป็นกลิ่นอาหารหรือกลิ่นอะไรกันแน่ สุดท้ายแล้วมีคนทนไม่ไหวจึงไปเคาะประตูหน้าห้อง ทว่าเคาะอยู่นานสองนานก็ไม่มีใครมาเปิด ร้อนรนไปถึงเจ้าของอาคารมาเปิดประตูให้ แต่เมื่อเปิดประตูก็ยิ่งทำให้กลิ่นเหม็นลอยคลุ้งมากกว่าเดิม คุณเดินสำรวจหาต้นตอของกลิ่นโดยไม่ได้หวังว่าจะเจอกับภาพที่น่าตกใจ แต่สายตาก็ดันไปเจอร่างไร้ชีวิตของเจ้าของห้องคนหนึ่งที่มักอาศัยอยู่อย่างเงียบๆ ไร้เงาลูกหลานหรือสหาย ไม่มีใครคิดว่าเขาจะจากไป เพราะไม่มีใครติดต่อตามหา เลยทำให้ไม่ทราบว่าเสียชีวิต ร่างไร้ชีวิตก็เน่าสลายไปตามกาลเวลา เลยทำให้กลิ่นโชยออกมาจากห้องรบกวนผู้พักอาศัยคนอื่นๆ

ตอนนี้ความเงียบที่แท้จริงก็ปกคลุมห้องเมื่อความตายมาเยือน

นี่คือเหตุการณ์ที่มักเกิดขึ้น

หากลองคิดถึงภาพบางคนที่อยู่ในสภาวะยากลำบาก ไร้ครอบครัวญาติมิตร ไร้การดูแลจากรัฐ ทำให้กลายเป็นคนชายขอบในสังคม ความตายก็จับมือกับความโดดเดี่ยว ความหดหู่เพิ่มอีกเป็นเท่าทวีคูณ แต่ถ้ามองในภาพใหญ่ก็จะพบว่าการดูแลที่ประชาชนสมควรได้รับนั้นมีช่องโหว่ จนเกิดอาชีพรวมไปถึงคนที่ออกมาเคลื่อนไหวเพื่อให้สังคมรับรู้ว่ามันไม่ได้เป็นเพียงเหตุการณ์ที่น่าเศร้าสลดใจที่ผ่านมาแล้วก็ผ่านไป แต่มันคือโศกนาฏกรรมจากปัญหาทางสังคมที่รัฐบาลยังจัดการดูแลไม่ได้ ความตายอาจไม่ใช่เรื่องน่ากลัวสำหรับทุกคน แต่การตายอย่างปราศจากความสนใจจากสายตาของรัฐที่ต้องดูแลประชาชนต่างหากที่เป็นเรื่องน่ากลัว

“คนชายขอบ” ตามความหมายจากราชบัณฑิตยสถาน คือบุคคลที่อยู่ห่างไกลจากสังคม ไม่ได้รับการดูแล ไม่ได้รับบริการหรือความคุ้มครองจากรัฐอย่างที่คนอื่นๆ ได้รับ และมีวัฒนธรรมที่แตกต่างจากคนอื่นๆ ในเมือง จริงๆ แล้วทุกประเทศมีคนชายขอบอยู่แล้ว อย่างคนที่อพยพมาจากประเทศอื่นแล้วมาตั้งรกรากในประเทศ คนเร่ร่อนหรือคนยากจนที่ไม่มีโอกาสสร้างงานสร้างอาชีพ เป็นต้น ทีนี้หากเรามองไปยังประเทศญี่ปุ่น เราจะพบว่าตอนนี้กำลังประสบกับสถานการณ์วิกฤตที่ส่งผลต่อเศรษฐกิจในระดับมหภาคอย่างอัตราการเกิดต่ำลงเป็นประวัติการณ์ (หมายความว่าแรงงานก็จะลดลงไปด้วย) รวมไปถึงจำนวนประชากรที่เป็นผู้สูงอายุก็เพิ่มมากขึ้น ในขณะที่ผู้คนย้ายจากบ้านถิ่นเมืองนอนของตัวเองไปยังเมืองอื่นด้วยความหวังว่าจะเติบโตในหน้าที่การงาน กลับกลายเป็นว่าในบางพื้นที่ถูกปล่อยปละละเลยเนื่องจากคนย้ายออก จนทำให้พื้นที่เหล่านั้นก็กลายเป็นที่ซุกหัวนอนของผู้สูงอายุ การถูกทอดทิ้งในเมืองที่ถูกลืมก็เป็นอีกสาเหตุหนึ่งที่ทำให้เกิด “การตายอย่างโดดเดี่ยว” แม้ว่าจะแนวคิดให้กระจายอำนาจออกจากศูนย์กลาง แต่ก็ไม่มีการกระทำหรือนโยบายที่เป็นรูปธรรม นอกจากนี้ยังมีกรณีที่หนุ่มสาวย้ายไปทำงานในเมืองต่าง ๆ ด้วยตัวคนเดียว เมื่อวลาผ่านไปก็ขาดการติดต่อจากครอบครัวหรือญาติ พอเวลาผ่านไปก็ทำให้เกิดเหตุการณ์นี้อีกเช่นเดียวกัน

โคะโดะคุชิ ทำให้เกิดอาชีพคนทำความสะอาดบ้านหรือห้องพักที่มีคนตาย เมื่อเคลื่อนย้ายร่างกายที่เริ่มเน่า (เพราะไม่มีใครดูแลหรือมีคนสนิท กว่าจะพบว่าตายแล้วก็มาจากการที่มีกลิ่นเน่าเหม็นลอยออกมาจากที่พักจนคนเข้ามาตรวจ) ออกไปจากห้องแล้ว พนักงานเหล่านี้ก็มีหน้าที่เคลียร์ของกินในตู้เย็นที่อาจเน่าเสีย จัดเก็บของในห้อง และทำความสะอาดคราบของเหลวที่ไหลจากศพ จำพวกเลือด น้ำหนอง น้ำเหลือง ที่ติดเป็นคราบตามพื้นในห้องต่าง ๆ แต่แม้ว่าจะกำจัดคราบออกไปแล้ว แต่รอยประทับของร่างคนที่จากไปยังคงอยู่ จากปากของ คุณ มาซาโตมิ โยโคะโอะ ผู้ที่ทำงานในด้านนี้มามากกว่า 10 ปี เขาบอกว่าอัตราของผู้ที่ตายอย่างโดดเดี่ยวนี้มีมากขึ้นทุกวัน และเป็นเพราะคนสมัยนี้ไม่ค่อยมีปฏิสัมพันธ์กับคนอื่นๆ เลยทำให้มักพบร่างผู้เสียชีวิตเมื่อเวลาผ่านไปได้สักระยะหนึ่ง เมื่อไปถึงก็ส่งกลิ่นเหม็นและเน่าแล้ว

อาสาสมัครที่ทำหน้าที่ดูแลผู้สูงอายุที่อยู่ตัวคนเดียวก็มี โดยจะเข้าไปเยี่ยมและสังเกตว่าสุขภาพหรืออาหารการกินเป็นอย่างไร นอกจากนี้ยังเข้าไปคุยเล่นสร้างปฏิสัมพันธ์อีกด้วย ข้อดีคืออย่างน้อยก็ทำให้คนเหล่านี้ไม่เหงาจนเกินไป หากสามารถใช้ช่วงสุดท้ายในชีวิตโดยเกิดความรู้สึกโดดเดี่ยวน้อยลงก็คงเป็นเรื่องดี

นอกจากนี้ยังมีคนที่ออกมาเคลื่อนไหวเพื่อให้สังคมเห็นปัญหาเหล่านี้มากขึ้นอย่างเช่น คุณมิยุ โคจิม่า ผู้สร้างแบบจำลองห้องที่มีผู้เสียชีวิตในเรื่องนี้ โดยเป็นโมเดลขนาดเล็ก ด้วยความที่เธอเคยเป็นผู้ทำความสะอาดห้องแบบนี้มาก่อนจึงนำรายละเอียดอันน่าสะเทือนใจนี้มาสร้างสรรค์ผลงานเพื่อให้มีคนให้ความสนใจ โดยงานที่เธอออกมาก็ทั้งน่ากลัวและความเศร้าสลด โดยแต่ละโมเดลห้องก็มีเรื่องราวของมันที่แตกต่างกันออกไปขึ้นอยู่กับประสบการณ์ที่คุณมิยุเจอ สามารถดูผลงานได้ที่ลิงก์นี้ Click

ตอนนี้ประเทศญี่ปุ่นก็มีการผลักดันให้มี LTCI (Long-term care insurance) หรือประกันระยะยาว โดยเฉพาะในกลุ่มผู้สูงอายุที่ใช้ชีวิตคนเดียว ปราศจากการดูแลจากคนอื่น บางคนก็ไม่ได้มีรายได้มากพอที่จะเข้ารับการรักษาหรือดูแลในสถานพยาบาลได้ ดังนั้นหากการผลักดันนี้ได้ผล ก็จะทำให้เกิดประโยชน์ไม่มากก็น้อย

สัจธรรมของชีวิตที่ทุกคนรู้ดีคือ การตายเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ บางครั้งก็ควบคุมไม่ได้อีกด้วย ไม่ว่าจะอายุเท่าไร เพศอะไร สถานะอะไร หากมีการเกิดแล้วย่อมมีความตายติดตามเป็นเงาตามตัวเสมอแล้วเราก็ไม่รู้อีกด้วยว่ามันจะมาเยือนเราตอนไหน

ปัญหามันไม่ได้อยู่ที่ความแก่ชรา การอยู่คนเดียว และการตายเสียทีเดียว แต่เป็นเพราะไม่ได้รับการดูแลจากรัฐที่ควรจะได้มากกว่า


ที่มา:

royin.go.th

www.theguardian.com/cities/2019/jun/14/has-tokyo-reached-peak-city

www.spoon-tamago.com/2018/10/03/miyu-kojima-miniature-kodokushi/

www.researchgate.net/publication/331464533_Care_Preferences_of_Elderly_People_Living_Alone_in_Japan

www.youtube.com/watch?v=gep6UGZm6h4&t=1016s

views