
บทเรียนที่เราได้เรียนรู้จากสิ่งที่เหลือไว้ในการจากไปของเขาและเธอ
What we can learn from the stars we’ve lost.
หรือการพยายามปกปิดสิ่งที่ตัวเองกำลังต่อสู้อยู่ การมองว่าปัญหาของเราอาจจะเป็นภาระสำหรับคนอื่น เป็นสิ่งที่ทำให้ใครหลายคนตัดสินใจที่จะเลี่ยงขอความช่วยเหลือ พยายามหาทางออกและแก้ปัญหาด้วยตัวเอง ซึ่งสุดท้ายแล้วอาจทำให้ใครหลายคนนั้นมองเห็นการจากลาโลกใบนี้เป็นคำตอบที่ต้องเลือก
แน่นอนว่าเราไม่สามารถรับรู้ได้ทั้งหมดว่าคนคนหนึ่งมีสุข มีทุกข์มากน้อยแค่ไหนจากภาพลักษณ์ภายนอกที่เราได้เห็น แม้ชีวิตของคนคนนั้นจะดูดี หรือใกล้เคียงกับคำว่าสมบูรณ์แบบมากก็ตามที อย่างพวกเธอและเขาที่ไม่มีใครคาดคิดว่าจะได้เห็นการลาจากในแบบที่ไม่มีใครต้องการให้เกิดขึ้น
ฮารุมะ มิอุระ (Haruma Miura), ยูโกะ ทาเคอุจิ (Yuko Takeuchi), เซอิ อาชินะ (Sei Ashina), ฮานะ คิมุระ (Hana Kimura) และอีกหลายคนที่วงการบันเทิงญี่ปุ่นต้องสูญเสียเขาและเธอไปในปี ค.ศ.2020 ที่ผ่านมา
การจากไปของพวกเขาสะท้อนให้เห็นถึงจำนวนยอดการเสียชีวิตจากสาเหตุการฆ่าตัวตายที่พุ่งสูงขึ้นในช่วงการแพร่ระบาดของโควิด-19 หลังจากที่ญี่ปุ่นใช้ความพยายามร่วมทศวรรษที่จะลดจำนวนดังกล่าวลงและหนีจากการเป็นประเทศที่มีประชากรฆ่าตัวตายมากที่สุดในโลก
ยาสุยูกิ ชิมิซุ อดีตนักข่าวซึ่งปัจจุบันเป็นผู้อำนวยการ Japan Suicide Countermeasures Promotion Center องค์กรไม่แสวงหาผลกำไร (NPO) กล่าวว่า “ในฐานะส่วนหนึ่งของสังคม เรารู้สึกว่าเราไม่สามารถเปิดเผยด้านที่อ่อนแอออกมาให้คนอื่นเห็นได้ เราจะต้องปกปิดมันเอาไว้”
“มันไม่ใช่แค่ว่าผู้คนรู้สึกว่าพวกเขาไม่สามารถไปหาที่ปรึกษาหรือนักบำบัดได้ แต่หลายคนรู้สึกว่า แม้แต่คนใกล้ชิด พวกเขาก็ไม่สามารถแสดงจุดอ่อนของตัวเองออกมาให้เห็นได้เช่นกัน”
นอกจากนี้ ยังมีผู้เชี่ยวชาญหลายท่านกล่าวว่าจากประวัติศาสตร์วัฒนธรรมของญี่ปุ่นนั้น มีส่วนหนึ่งที่เห็นว่าการฆ่าตัวตายคือ “เกียรติ” ในบางสถานการณ์ เพราะเชื่อว่าการฆ่าตัวตายจะช่วยรักษาชื่อเสียงของบุคคลนั้น ๆ ไว้ได้ หรือบางครั้งก็มองว่ามันคือการ “เสียสละ” (อ้างอิงจาก the Guardian)
จากกราฟ (โดย AFP News Agency) จะเห็นได้ว่าจำนวนยอดผู้เสียชีวิตจากสาเหตุการฆ่าตัวตายในญี่ปุ่นลดลงอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ปี ค.ศ.2011 แต่จำนวนกลับสูงขึ้นอีกครั้งในปี ค.ศ.2020
สาเหตุการฆ่าตัวตายของแต่ละคนนั้นมีความซับซ้อน ซึ่งปัจจัยที่เป็นสาเหตุในการฆ่าตัวตายซึ่งเหมือนกับสากลทั่วโลกก็คงหนีไม่พ้นผลกระทบจากโลกออนไลน์ โลกโซเชียลมีเดีย ที่ที่ทำให้พวกเขารู้สึกว่าจะต้องเปิดเผยให้เห็นแต่เรื่องราวของความสุขและความสำเร็จ ซึ่งนั่นก็อาจเป็นส่วนหนึ่งของสาเหตุในการทำให้เกิดภาวะโรคซึมเศร้าได้
แต่ถึงแม้จะเอาตัวออกห่างจากโซเชียลมีเดียแล้วก็ตาม ด้วยความที่คนญี่ปุ่นส่วนใหญ่มักจะเปิดเผยเฉพาะภาพลักษณ์ในแง่บวกต่อสาธารณะ หลายคนมีเส้นบาง ๆ คั่นอยู่ระหว่างคำว่า “ในบ้าน” กับคำว่า “นอกบ้าน” ที่ซึ่งอารมณ์ต่าง ๆ อันแสนยุ่งเหยิงจะถูกแสดงออกมาเฉพาะเวลาอยู่ในพื้นที่ส่วนตัวเท่านั้น
แน่นอนว่าผลจากการต้องกักตัวอยู่ที่บ้านช่วงการแพร่ระบาดก็เป็นอีกหนึ่งสาเหตุ บางคนสูญเสียงานไป หรือเกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างรุนแรงในชีวิตการทำงาน หลายคนไม่สามารถออกไปใช้ชีวิตกับเพื่อน ไม่สามารถไปเยี่ยม ไปพบคนในครอบครัวได้
หน่วยวิจัยของมหาวิทยาลัยเกียวโตคาดการณ์ไว้ว่าผลกระทบด้านเศรษฐกิจจากเหตุการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 อาจทำให้จำนวนผู้เสียชีวิตจากการฆ่าตัวตายเพิ่มขึ้นเป็น 140,000 – 270,000 เคสในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า ดังนั้น กลุ่มที่คอยสนับสนุนผู้คนที่เผชิญปัญหาสุขภาพจิตจึงกำลังเตรียมพร้อมเพื่อรับมือกับสถานการณ์ที่ยากลำบากนี้ในอนาคต
ชีวิตที่ถูกคาดหวังจากคนนับล้าน
ในด้านของบุคคลในวงการบันเทิง การถูกกดดันจากความคาดหวังของแฟน ๆ หลายล้านคนเป็นอีกหนึ่งปัจจัย ในหลาย ๆ ประเทศ บุคคลเหล่านี้สามารถพูดคุยหรือแสดงความคิดเห็นได้อย่างเปิดเผยมากขึ้นเกี่ยวกับเรื่องสุขภาพจิต และการขอความช่วยเหลือจากที่ปรึกษา นักบำบัด หรือจิตแพทย์ แต่ในขณะเดียวกัน ที่ญี่ปุ่นกลับเป็นสิ่งต้องห้าม
“ถ้าคุณเป็นบุคคลที่อยู่ใต้สปอตไลท์ ใต้แสงไฟ แล้วสื่อพบว่าคุณเข้ารับการปรึกษาหรือดูแลสุขภาพจิต นั่นจะส่งผลเสียต่อคุณและงานของคุณเป็นอย่างมาก” – ทามากิ ทสึดะ (โปรดิวเซอร์รายการโทรทัศน์) กล่าว
“ถ้าคุณไปเข้ารับการดูแลหรือรักษาเพียงครั้งเดียว ภาพลักษณ์นั้นก็จะติดตัวคุณไปตลอดชีวิตการทำงานของคุณ และเมื่อมันเกิดขึ้นแล้ว คุณก็จะได้รับงานน้อยลง และน้อยลงเรื่อย ๆ”
รูปประกอบ : www.instagram.com/haruma_miura_info
ผลกระทบจากการแพร่ระบาดโควิด-19 ส่งผลต่องานของพวกเขาด้วยเช่นกัน หลายคนสูญเสียงานหลายตัวในทันทีเมื่อเกิดการแพร่ระบาด บางคนได้รับตารางงานที่ว่างเปล่าติดต่อกันหลายเดือนจากทางบริษัท และด้วยลักษณะทางความคิดของคนญี่ปุ่นแล้วนั้น การโทษตัวเองจึงเป็นสิ่งที่หลายคนคิด “ที่ฉันไม่ถูกจ้าง เป็นเพราะฉันยังดีไม่พอสินะ”
อีกทั้งความเห็นอกเห็นใจจากสาธารณชนก็มีอยู่อย่างจำกัด ทันทีที่คนในวงการบันเทิงมีพฤติกรรมใด ๆ ที่แฟน ๆ หรือประชาชนเห็นว่าไม่เพียงพอต่อการเป็นเซเลบริตี้หรือบุคคลในวงการบันเทิง พวกเขาและเธอก็จะถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างรวดเร็ว
ความเชื่อมโยงที่แข็งแกร่งระหว่างการฆ่าตัวตายของเหล่าเซเลบริตี้กับประชาชน
หลังจากที่มีข่าวการเสียชีวิตของเหล่าคนในวงการบันเทิงอย่างต่อเนื่อง รัฐบาลญี่ปุ่นได้ออกมาเรียกร้องให้ประชาชนกล้าที่จะออกมาขอความช่วยเหลือหากพวกเขาพบว่าตัวเองกำลังประสบปัญหาด้านสุขภาพจิตหรือมีความคิดที่อยากจะฆ่าตัวตาย
ยาสุยูกิ ชิมิซุ ที่อุทิศตนเพื่อต่อสู้กับปัญหาการฆ่าตัวตายในญี่ปุ่น ให้ข้อมูลเพิ่มอีกว่า “หลังจากมีรายงานข่าวการเสียชีวิตของยูโกะ ทาเคอุจิ จำนวนผู้เสียชีวิตจากการฆ่าตัวตายก็สูงขึ้นอย่างต่อเนื่องเป็นเวลาติดกัน 10 วัน”
เปอร์เซ็นต์ผู้เสียชีวิตหญิงจากสาเหตุการฆ่าตัวตายของแต่ละช่วงวัยในแต่ละเดือนของปี ค.ศ. 2020
(กราฟโดย www.ft.com)
“จากฐานข้อมูล เราจะเห็นได้ว่าการฆ่าตัวตายของนักแสดงหญิง นำไปสู่การฆ่าตัวตายของผู้หญิงอีกกว่า 207 เคสในเวลา 10 วันหลังจากนั้น” และเมื่อเจาะลงไปในกลุ่มผู้หญิงวัยเดียวกันกับยูโกะ ทาเคอุจิ สถิติก็ยิ่งชัดเจนมากขึ้น ผู้หญิงในวัย 40 ได้รับอิทธิพลมากที่สุดในทุก ๆ ช่วงวัย ซึ่งจำนวนผู้เสียชีวิตจากการฆ่าตัวตายในช่วงวัย 40 ปีนั้นเพิ่มขึ้นเป็นเท่าตัวเลยทีเดียว
จากเหตุการณ์ครั้งนี้ ผู้เชี่ยวชาญอีกหลายท่านต่างก็ยอมรับว่า มีความเชื่อมโยงที่แข็งแกร่งระหว่างการฆ่าตัวตายของเหล่าเซเลบริตี้กับยอดผู้เสียชีวิตจากการฆ่าตัวตายที่เพิ่มขึ้นทันทีในวันถัด ๆ มา
เมื่อสิ่งที่เป็นส่วนสำคัญในชีวิตขาดหายไป
กรณีของฮานะ คิมุระ นักมวยปล้ำมืออาชีพวัย 22 ปี และดาราจากรายการเรียลลิตี้โชว์ “Terrace House” แม่ของเธอ (เคียวโกะ คิมุระ) ได้ขอร้องให้ทางตำรวจช่วยปิดสาเหตุการตายของลูกสาวไว้ เพราะเกรงว่าจะเป็นสาเหตุในการทำให้เกิดปฏิกิริยาลูกโซ่จากความเศร้าโศก แต่ก็ยังคงมีสื่อรายงานข่าวสาเหตุการตายของฮานะจังออกมาอยู่ดี
แม่ของฮานะจังให้ข้อมูลว่าการกักตัวในช่วงการแพร่ระบาดของโควิด-19 ทำให้ลูกสาวของเธอมีเวลาในการอ่านข้อความ toxic ในโซเชียลมีเดียมากขึ้น เพราะไม่สามารถขึ้นเวทีแข่งขันมวยปล้ำได้เนื่องด้วยข้อกำหนดในการป้องกันการแพร่ระบาดนั่นเอง
รูปประกอบ : www.instagram.com/hanadayo0903
“ฮานะพบว่าเหตุผลที่ทำให้เธอมีชีวิตอยู่คือการต่อสู้เพื่อให้ได้เป็นนักมวลปล้ำมืออาชีพ มันคือส่วนที่ยิ่งใหญ่ในชีวิตของเธอ เพราะฉะนั้นเธอจึงต้องเผชิญกับสถานการณ์ที่ยากลำบากเมื่อเธอไม่สามารถทำการต่อสู้ได้ การแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนาทำให้สังคมอยู่ยากและน่าอึดอัดมากยิ่งขึ้น” – เคียวโกะ คิมุระ
หลังจากเหตุการณ์ดังกล่าว เคียวโกะจึงได้จัดตั้งองค์กรไม่แสวงหาผลกำไร (NPO) ขึ้นมาภายใต้ชื่อ “Remember HANA” เพื่อสร้างความตระหนักรู้เกี่ยวกับการกลั่นแกล้งกันผ่านทานอินเทอร์เน็ต (Cyberbullying)
คำถามและความซับซ้อนที่เกิดขึ้นหลังการจากไปของคนคนหนึ่ง
*ข้อมูลบางส่วนไม่มีการยืนยันจากตัวฮารุมะเองหรือจากบทสัมภาษณ์ต่าง ๆ ของเขา เป็นเพียงข้อมูลจากคนรอบข้างหรือบุคคลภายนอก ขอแนะนำให้ใช้วิจารณญาณในการอ่าน
ฮารุมะ มิอุระ นักแสดงหนุ่มที่ไม่มีใครคาดคิดว่าจะเห็นเขาจากโลกนี้ไปในวัยเพียง 30 ปี หลังจากที่มีข่าวออกมาว่าเขาเสียชีวิตจากการฆ่าตัวตายด้วยการแขวนคอในตู้เสื้อผ้า คำถามและข้อสงสัยถึงสาเหตุในการตายของเขาก็ถูกตั้งขึ้นในโลกโซเชียลอย่างมากมาย ชีวิตที่ดูจะใกล้เคียงกับคำว่าสมบูรณ์แบบของเขา มีอะไรที่อยู่เบื้องลึกเบื้องหลังที่ทำให้เขาตัดสินใจจากโลกนี้ไปกันแน่
ฮารุมะ มิอุระ เกิดปี ค.ศ.1990 ที่จังหวัดอิบารากิ แม่ของเขาตัดสินใจหย่ากับพ่อตั้งแต่เขายังเด็ก นั่นจึงเป็นสาเหตุว่าทำไมเขาจึงใช้นามสกุลของแม่ เขาเข้าวงการบันเทิงตั้งแต่อายุ 7 ขวบด้วยผลงานละครเช้าทางช่อง NHK เรื่อง “AGRI” และได้รับรางวัลชนะเลิศในหมวดนักแสดงหน้าใหม่ จากงาน “Japan Academy Prize” เมื่อปี ค.ศ.2007 จากบทในภาพยนตร์เรื่อง “Sky Of Love” (Koizora)
หลังจากที่แม่ของเขาแต่งงานใหม่ช่วงที่เขาอยู่มัธยมต้น ฮารุมะเคารพการตัดสินใจของแม่ และปฏิบัติต่อพ่อเลี้ยงของเขาเหมือนพ่อแท้ ๆ ครอบครัวของเขาเปิดร้านอาหารเล็ก ๆ ที่อิบารากิ ชื่อ “Kitchen & Bar Sasa”
ด้วยความที่ฮารุมะเป็นคนที่ค่อนข้างอ่อนไหวง่ายและตั้งใจในการแสดงมาก ๆ (แฟน ๆ ต่างรู้ดีว่าเขาทุ่มเทในการสวมบทบาทแต่ละบท แต่ละเรื่องมาก ๆ เรียกได้ว่าเขาทุ่มสุดตัวเพื่อแสดงออกมาให้สมบูรณ์แบบที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้เลยล่ะ) ตอนช่วงอายุ 19 ที่ต้องรับบทนักแสดงนำ 2 เรื่องพร้อม ๆ กัน จึงทำให้เขารู้สึกกดดัน และเคยบอกว่าอยากจะออกจากวงการบันเทิงเพื่อกลับไปอยู่อิบารากิ อย่างไรก็ตาม แม่ของเขาก็ให้ได้กำลังใจและขอให้เขาทำงานวงการบันเทิงต่อไป
หลังจากนั้น ร้านอาหารของพ่อและแม่ก็ได้ปิดตัวลง พวกเขาออกจากอิบารากิไปเมื่อประมาณ 4 ปีก่อน และไม่มีใครทราบสาเหตุของการปิดตัวลงของร้าน รวมทั้งพ่อ(เลี้ยง)และแม่ของเขาก็แยกทางกันอยู่ในท้ายที่สุด ช่วงสถานการณ์ดังกล่าว เพื่อนสนิทของฮารุมะเล่าว่าพวกเขาเริ่มกังวลกับการที่เขาเริ่มดื่มหนักและดื่มบ่อยครั้ง อีกทั้งเขายังมีความต้องการที่จะดื่มคนเดียวอีกด้วย
ในปี ค.ศ.2017 เขาตั้งใจที่พัฒนาทักษะภาษาอังกฤษโดยการเดินทางไปเรียนถึงอังกฤษ และใช้เวลาเรียนอยู่ที่นั่น 3 เดือน จากข้อมูลบางแหล่งระบุว่าที่จริงเขาอยากจะอยู่นานกว่านั้น แต่ทางต้นสังกัด Amuse ไม่เห็นด้วย เขาจึงต้องเดินทางกลับในทันที
นอกจากการรับบทละครทีวีและภาพยนตร์แล้ว ฮารุมะยังรับบทแสดงละครเวทีอีกด้วย ละครเพลงเรื่อง “Whistle Down the Wind” ที่เขารับบทนักแสดงหลักนั้น เริ่มแสดงในวันที่ 7 มีนาคม ค.ศ.2020 และถูกยกเลิกในวันที่ 29 มีนาคม ซึ่งละครเวทีดังกล่าวได้รับกระแสวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักทางแอคเคาน์ออฟฟิเชียลเนื่องจากทำการแสดงในช่วงการแพร่ระบาดของโควิด-19 นี่จึงอาจเป็นอีกหนึ่งสาเหตุที่ทำให้ฮารุมะที่อยู่ในตำแหน่งประธานของเวทีในขณะนั้นรู้สึกกดดันมากขึ้น
การจากไปของเขาอย่างกระทันหันทำให้หลายคนช็อคและสับสนกับเหตุการณ์ดังกล่าว มีการแสดงความคิดเห็นอย่างหลากหลายบนโลกออนไลน์ นอกจากวิเคราะห์ถึงสาเหตุการฆ่าตัวตายแล้ว (ทั้งความเครียดจากงาน ทั้งการถูก Cyberbullying ฯลฯ) ยังมีข้อสันนิษฐานที่ว่าฮารุมะไม่ได้ฆ่าตัวตายอีกด้วย โดยข้อสันนิษฐานนี้มีการหยิบข้อมูลต่าง ๆ มาอ้างอิงและถูกเขียนไว้ในเว็บไซต์ที่พูดถึงเรื่อง “The truth behind Haruma Miura’s death.” (www.harumafan.com) ซึ่งจัดทำและเขียนโดย Mariko Thompson เธอคาดการณ์ว่าสาเหตุการเสียชีวิตของฮารุมะนั้นเป็นเพราะการเข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้องกับการคอรัปชั่นของกิจกรรมเพื่อการกุศลของทางต้นสังกัดกับรัฐบาลที่มีชื่อว่า “AAA (Act Against AIDS)” ซึ่งเขาพบว่าเงินที่รวบรวมได้นั้นไม่ได้ถูกส่งไปยังองค์กรที่ดูแลอย่างถูกต้อง
แต่เพราะฮารุมะ มิอุระ ได้จากโลกใบนี้ไปแล้ว และยังไม่มีการยืนยันข้อมูลที่ชัดเจนไปกว่าผลการชันสูตรที่ถูกชี้แจงผ่านสื่อออกมา เรื่องราวชีวิตของเขาที่ถูกเผยแพร่ออกมาผ่านช่องทางต่าง ๆ มากมาย รวมทั้งคำถามต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นจึงยังคงไม่มีคำตอบที่ชัดเจน
อย่างไรก็ตาม การจากไปของเขาได้ทำให้เราได้ตระหนักรู้ถึงสถานการณ์ต่าง ๆ ในหลาย ๆ ด้าน ทั้งปัญหาเกี่ยวกับการฆ่าตัวตาย, ปัญหาด้านการให้ความสำคัญเรื่องสุขภาพจิตในสังคมญี่ปุ่น, ปัญหา Cyberbullying, ปัญหาด้านพื้นฐานครอบครัวที่มีผลกระทบต่อการใช้ชีวิต, ปัญหาการคอรัปชั่น และอีกหลากหลายด้าน
.
.
.
ไม่ใช่เพียงฮารุมะ มิอุระ แต่การจากไปของเขาและเธอต่างก็ทำให้เราได้ตระหนักรู้ถึงปัญหาต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นทั้งในสังคมญี่ปุ่นหรือแม้แต่ในสังคมไทย เราหวังว่านอกจากการตระหนักรู้แล้ว การจากไปของเขาและเธอจะทำให้สังคมเกิดการเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้นด้วยเช่นกัน เรื่องสุขภาพจิตไม่ใช่เรื่องที่ไกลตัว ไม่ใช่เรื่องที่น่าอาย ไม่ใช่เรื่องที่ต้องปิดบังหรือปล่อยผ่าน หากคุณกำลังเผชิญปัญหาดังกล่าวอยู่ อย่ากลัวที่จะพูดออกมา และอย่ากลัวที่จะปรึกษากับใครสักคน
“ขอให้เปิดใจยอมรับการช่วยเหลือจากผู้อื่น
เปิดโอกาสให้ตัวเองและเปิดโอกาสให้ผู้อื่นได้ช่วยคุณ”
(โทรสายด่วนสุขภาพจิต 1323 โทรฟรีตลอด 24 ชั่วโมง)
อ้างอิง
– www.nytimes.com
– www.mercurynews.com
– https://jpninfo.com
เรื่อง: ทัศวีร์ เจริญบุรีรัตน์
“เจออะไรบ้างในพิธีแต่งงานแบบดั้งเดิมของญี่ปุ่น” คลิก
“เพราะเจ็บปวดจึงเข้าใจ เรื่องราวของไอดอลกับการก้าวผ่านความเจ็บปวดในวัยเด็ก” คลิก
“Nakagin Capsule Tower กับอนาคตที่ยังไม่แน่นอนว่าจะอยู่รอดถึงเมื่อไหร่” คลิก