ดื่มด่ำธรรมชาติแห่งเมืองอิวาเตะ
岩手の自然を満喫する
คุณผู้อ่านคิดถึงกันไหมคะ วันนี้ฉันกลับมาเล่าเรื่องทริปธรรมชาติน้ำผึ้งพระจันทร์หมู่หลังจบงานแต่งงานที่ญี่ปุ่นตามสัญญาแล้วนะ เรื่องเริ่มต้นจากที่เราได้พาครอบครัวและเพื่อนๆ ที่มาร่วมงานแต่งจากไทยไป Road trip เที่ยวกันที่
จ.อิวาเตะบ้านเกิดสามีนั่นเอง
เราเที่ยวกันเป็นเวลา 6 วันเต็มๆ จนวันท้ายๆ คุณพ่อของฉันตกใจว่านี่เรายังไม่ได้ออกไปจังหวัดอื่นอีกหรือ ทำไมอิวาเตะมีสถานที่ท่องเที่ยวทางธรรมชาติที่น่าสนใจมากมายขนาดนี้ ฉันจึงตอบกลับอย่างภาคภูมิใจว่า อิวาเตะเป็นจังหวัดที่มีพื้นที่ใหญ่ที่สุดในบริเวณชายฝั่งมหาสมุทรแปซิฟิก ส่วนจังหวัดที่เล็กที่สุดนั้นเดิมทีคือ จ.โอซาก้า แต่ล่าสุดจ.คากาวะ จังหวัดที่ขึ้นชื่อว่าอุด้งนั้นอร่อย กลับกลายเป็นจังหวัดที่มีพื้นที่ขนาดเล็กที่สุดในปัจจุบันไปเรียบร้อยแล้ว
ส่วนใหญ่ฉัน และสามีจะเน้นเที่ยวแนวธรรมชาติ หรือสถานที่ที่คนส่วนใหญ่ยังไม่ค่อยไป ในฉบับนี้จะขอเล่าส่วนหนึ่งของทริปนี้ ซึ่งขอเริ่มจากเมืองคิตาคะมิที่เราอยู่กัน เช้าวันนั้นเราเริ่มทริปช่วงสายๆ หลังขับรถผ่านนาข้าวเขียวขจีมาสักพัก ก็ถึงที่หมายแรก บ้านไม้ขนาดเล็กในสวนบลูเบอรี่ ป้ายเขียนว่า Cota Cafe คาเฟ่แห่งสวนบลูเบอรี่หากมาช่วงเดือนก.ค.ก็จะเป็นช่วงที่สามารถเก็บบลูเบอรี่ได้ด้วยตัวเอง และยังมีบลูเบอรี่สดลูกใหญ่ๆ ขายในราคาที่คุ้มค่ากว่าในซุปเปอร์มาร์เก็ตเช่นกัน ในส่วนของคาเฟ่นั้น ภายในตกแต่งสไตล์วินเทจให้ความรู้สึกที่อบอุ่น มีที่นั่งจำกัด มีชั้นวางหนังสือและนิตยสารให้ลูกค้าหยิบอ่านฆ่าเวลาระหว่างรออาหาร เมื่อกลิ่นหอมโชยแตะจมูกจากครัวได้ไม่นาน พนักงานก็ถือเซ็ตข้าวหมูอิวาเตะหมักซอสบลูเบอรี่ ที่มีสลัดและซุปเป็นเครื่องเคียงเมนูยอดนิยมของร้าน มาเสิร์ฟที่โต๊ะของพวกเรา มีจำกัดเพียงวันละ 15 จานในราคา1,280เยน ที่สมควรลอง นอกจากชาบลูเบอรี่ที่ดื่มแล้วชื่นใจ กาแฟที่นี่ก็หอมอร่อยใช้ได้เลยทีเดียว สุดท้ายก่อนจะย้ายกองทัพไปที่อื่นนั้น สายไอศกรีมอย่างเราก็ไม่ควรที่จะพลาดซอฟท์ครีมบลูเบอรี่ด้วยค่ะ
จากนั้นเราก็ออกเดินทางไปยังเมืองข้างๆ ชื่อนิชิวางะ จะมีความชนบทกว่าเมืองคิตาคะมิ แต่ธรรมชาติยังคงความสวยงามแตกต่างไปตามแต่ฤดู เราไปเที่ยวเขื่อน Lake Kinshuko Chosa ซึ่งเป็นเขื่อนที่เหมือนม่าน สามารถเดินลอดผ่านข้างล่างได้ และจะมีช่วงเวลาที่เปิดสปอตไลท์สีรุ้งให้ชมด้วย ส่วนบริเวณใกล้เคียงนั้น มีดอกไอริสหรือดอกอายาเมะ เป็นดอกไม้ที่มักจะมาพร้อมกับสายฝนพรำในช่วงซัมเมอร์ของญี่ปุ่น ซึ่งชาวญี่ปุ่นเชื่อว่า เมื่อไรก็ตามที่ไอริสเริ่มผลิดอกบาน นั่นก็เป็นนิมิตหมายว่า “เรื่องดีๆ กำลังจะมา”
หลังเดินย่อยเสร็จ เราก็ไปยังไฮไลท์ของวันนี้ที่สมาชิกทัวร์รอคอย นั่นคือการอบทรายร้อนหรือ Sunaburo ส่วนใหญ่จะมีตามแหล่งออนเซ็น อย่างเช่นในภูมิภาคคิวชู ซึ่งครั้งแรกที่ฉันรู้ว่ามีที่จ.อิวาเตะด้วยนั้น เป็นอะไรที่เซอร์ไพรส์มาก และที่นี่เป็นที่เดียวในอิวาเตะด้วย ค่าบริการคนละ 1,000 เยน จะมีชุดยูกาตะพร้อมหมวกอาบน้ำให้ใส่ พนักงานจะคอยกลบทรายให้เราทั้งตัว ตั้งแต่ส่วนคอลงไปประมาณ 15 นาที จะมีความร้อนราว 90 องศา ที่ไหลผ่านชั้นล่าง ส่วนตัวทรายจะอมอุณหภูมิประมาณ 45 องศา ซึ่งเป็นอุณหภูมิที่เหมาะสม จึงทำให้อบอุ่นได้ทั่วทั้งร่างกาย ดีต่อระบบการเผาผลาญเหมาะสำหรับคนที่กำลังลดน้ำหนัก และผู้ที่อยากจะปรับสภาพร่างกายด้วยการขับเหงื่อนั่นเอง
นี่เป็นเพียงส่วนเริ่มต้นของทริปเท่านั้น ส่วนสถานที่อื่นๆ อดใจอ่านในฉบับหน้านะคะ และขณะนี้มีเสียงเรียกร้องให้จัดทัวร์ไพรเวทพาเที่ยวธรรมชาติในภูมิภาคโทโฮคุในแบบฉบับของเราเป็นจำนวนมาก ฉันและสามีกำลังจะวางแผนเปิดรับสมาชิกร่วมทริปกับเราอยู่ หากท่านใดสนใจสามารถติดตามเรื่องราวของเราได้ที่เพจ เมื่อฉันมาอยู่อิวาเตะได้เลยค่ะ
ส่วนรายละเอียดเพิ่มเติมของสถานที่ในเรื่องสามารถดูได้ตามนี้เลยค่ะ
•คาเฟ่บลูเบอรี่
http://cotacafe.sakura.ne.jp/wordpress/cota_cafe/
•สถานที่ท่องเที่ยวเมืองนิชิวางะ
http://www.yamanoideyu.com