たべるとくらしの研究所
Eat & Life Laboratory
ห้องทดลองของครอบครัวอันไซ


หนึ่งในไฮไลต์สำคัญของอาหารญี่ปุ่นที่นอกจากจะเป็นเรื่องของรสชาติและการตกแต่งที่สวยงามแล้ว สิ่งสำคัญคือวัตถุดิบในการประกอบอาหาร ที่อาศัยความสดใหม่ตามฤดูกาล การลดทอนเครื่องปรุงแต่งเพื่อให้ได้รสชาติดั้งเดิมตามธรรมชาติ ความเอาใจใส่และเอกลักษณ์ในการรังสรรค์วัฒนธรรมทางด้านอาหารเหล่านี้ ล้วนทำให้อาหารญี่ปุ่นเป็นที่ชื่นชอบของชาวต่างชาติหลากหลายวัย รวมถึงเป็นที่นิยมในหมู่ผู้ที่รักสุขภาพและความเรียบง่ายอีกด้วยแต่จะดีแค่ไหน หากวัตถุดิบในการประกอบอาหารนั้น เป็นวัตถุดิบที่สะอาด ปลอดภัย ช่วยสนับสนุนเกษตรกรท้องถิ่น เพื่ออนาคตที่ยั่งยืนของสิ่งแวดล้อม เพื่อคุณภาพชีวิตที่ดีของครอบครัว และสามารถสร้างประโยชน์ให้แก่ผู้คนในกระบวนการผลิตได้เป็นวงกว้าง

วันนี้เราจะพาทุกท่านมารู้จักกับ Eat & Life Laboratory หรือในชื่อภาษาญี่ปุ่นคือ “ ทาเบรุโต๊ะ คุราชิโนะ เคงคิวโช ” (ยาวเนอะ) เป็นหนึ่งในร้านอาหารที่ยึดหลักแนวคิดแห่งการใช้ชีวิตที่เรียบง่ายและปลอดภัย ผ่านการนำเสนอรูปแบบอาหารที่เต็มไปด้วยคุณประโยชน์ โดยแรงผลักดันของการก่อตั้งร้านเริ่มมาจากการที่ครอบครัวอันไซ เจ้าของสวนและคาเฟ่เล็ก ๆ ที่จ.ฟุคุชิมะประสบกับภัยพิบัติแผ่นดินไหวรุนแรงจนจำเป็นต้องย้ายที่อยู่อาศัยมายังซัปโปโร และท่ามกลางการเริ่มต้นชีวิตใหม่ ความต้องการสร้างสถานที่ที่เต็มไปด้วยความเรียบง่ายปลอดภัยก็ได้เกิดขึ้น  “ ทาเบรุโต๊ะ คุราชิโนะ เคงคิวโช ” จึงเป็นร้านอาหารที่เป็นดั่งห้องทดลองของการค้นหาความหมายที่เรียบง่ายยั่งยืนของชีวิต

โดยในหนึ่งสัปดาห์ ที่นี่จะเปิดเป็นคาเฟ่ 4 วัน คือ พุธ พฤหัสบดี ศุกร์ และ เสาร์ โดยในวันอื่น ๆ จะมีการจัดอีเว้นท์ เวิร์คช็อป และไลฟ์ ซึ่งอาหารของที่นี่จะเน้นอาหารที่ดีต่อสุขภาพเป็นหลัก อย่างเช่นจานหลักของที่นี่จะเรียกว่าเป็น “ชุดอาหารกลางวัน” เนื่องจากจะเปลี่ยนแปลงไปตามวัตถุดิบในแต่ละเดือน โดยชุดหนึ่งจะมีราคา 1,000 เยน ในช่วงที่เราไปนั้นคือช่วงเดือนมิถุนายน ชุดอาหารกลางวันจะมีหน้าตาคล้าย ๆ ก๋วยเตี๋ยวลุยสวนบ้านเรา แต่มีเครื่องเคียงที่เป็นผักดองต่าง ๆ สไตล์ญี่ปุ่นและซอสจากผลกีวี่ควบคู่กันมาด้วย เสิร์ฟพร้อมกับซุปมิโซะและข้าวกล้องสีน้ำตาลอ่อนร้อน ๆ เหมาะกับสายรักสุขภาพอย่างยิ่ง นอกจากจานหลักแล้ว ก็ยังมีเมนูอื่น ๆ อีกมากมาย ส่วนใหญ่จะเป็นเมนูที่ทำมาจากขนมปังที่ทางร้านอบเอง เช่น Cinnamon toast และ ขนมปังอบชีสที่ตกแต่งหน้าด้วยมะเขือเทศย่างดูน่ากิน เป็นต้น

ภายในร้านตกแต่งด้วยงานไม้โทนสีเข้ม จัดแบ่งสัดส่วนระหว่างห้องแกลลอรี่ ที่นั่งรับประทานอาหาร และห้องครัวเป็นอย่างดี โดยห้องครัวจะล้อมรอบไปด้วยกระจกใส ทำให้เราสามารถมองการจัดจานและการเตรียมอาหารได้ บรรยากาศนอกร้านก็ร่มรื่นเย็นสบาย ที่ตั้งก็ไม่ไกลจากตัวเมืองซัปโปโรมากนัก เราสามารถนั่งรถรางจากใจกลางเมืองมาลงที่สถานี Yamahana Ku Jo และเดินต่อไปประมาณ 10 นาที นับเป็นสถานที่ที่เหมาะแก่การนั่งดื่มชาสมุนไพรร้อน ๆ เพื่อพักผ่อน หรือพาคนรู้ใจมานั่งชิลทานอาหารเพื่อสุขภาพ ก็เป็นอีกสถานที่หนึ่งที่ไม่เลวเลยทีเดียว
…………………
Kanaa เล่าเรื่อง

views