6 ภูเขาในญี่ปุ่นที่ชวนให้นึกถึงเขา
รู้ตัวอีกทีก็หลงใหลภูเขาอย่างถอนตัวไม่ขึ้นเสียแล้ว แปลกจริง ทั้งที่เมื่อก่อนก็ไม่เคยคิดเลยว่าการเดินขึ้นภูเขามันจะสนุกตรงไหน ไปเดินให้เหนื่อยทำไมกัน
จวบจนได้เดินขึ้นเขาบ่อยๆ หลายๆ เรื่องที่เคยคิด เคยวาดภาพไว้ก็คลี่คลายลง ในขณะที่เหนื่อยมาก และปวดขาสุดๆ ทำเอาอยากหยุดเดินเสียดื้อๆ แต่เพราะรู้ว่าการเดินขึ้นเขานั้นเป็นอีกวิธีในการฝึกความอดทนที่มีอยู่ในตัวเอง ก็ตัดสินใจมุ่งหน้าเดินต่อไปเรื่อยๆ
นอกจากจุดมุ่งหมายที่จะต้องเดินให้ถึงยอดเขาแล้ว สิ่งที่ทำให้หลงใหลการเดินเขา ก็คือการที่เรามีเพื่อนร่วมทางที่เหนื่อยเหมือนกันเดินอยู่ข้างๆ เราคอยแบ่งน้ำดื่มกัน พูดคุยแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกัน ชมวิวภูเขาด้วยกัน ทักทายคนระหว่างทางที่เดินสวนกัน สลับกับการเดินขึ้นเขาเงียบๆ แล้วเราก็ได้ยินเสียงหัวใจเราเต้น สลับกับเสียงธรรมชาติชัดเจนมากจริงๆ
แล้วเวลาไปยืนดูภูเขาอยู่ที่ญี่ปุ่นล่ะ จะรู้สึกแบบไหนกัน
เราจึงขอเลือก 6 ภูเขาสวยในประเทศญี่ปุ่นที่ชวนให้นึกถึงเขาขึ้นมา
และคงจะดีถ้าได้ไปยืนดูภูเขาทั้งหมดนี้กับใครสักคน
ภูเขายูฟู (Mount Yufu)
สำหรับคนที่เคยมีโอกาสไปเยือนยูฟูอิน จ.โออิตะ ภาพภูเขาที่ตั้งตระหง่านเมื่อก้าวเท้าออกมาจาก Yufuin Station ภาพแรก ยังคงติดตรึงอยู่ในความทรงจำของเราอยู่เลยนะ สำหรับที่นี่ไม่ว่าจะเลือกเดินหรือปั่นจักรยานก็น่าสนุกทั้งนั้น เราเองมีโอกาสไปเยือนยูฟุอินหลายครั้ง แต่มีครั้งหนึ่งที่เราเลือกจะทำความรู้จักยูฟุอินในมุมมองของการปั่นจักรยาน ซึ่งเราใช้เวลาตั้งแต่สายๆ ของวัน ไปจนถึง 5 โมงเย็นอยู่ที่นั่น สำหรับจักรยานที่สถานีรถไฟมีรถจักรยานแม่บ้านให้เช่า และมีที่สูบลมไว้ให้เติมลมก่อนจะเริ่มปั่นด้วย สนนราคาเช่า 2 ชม. 500 เยน, 4 ชม.1,000 เยน, และทั้งวัน 1,250 เยน ปั่นกันเพลินๆ เลยล่ะ
เราไปยูฟุอินช่วงฤดูร้อนเดือนสิงหาคม ซึ่งก็เจอสภาพอากาศที่หลากหลาย มีทั้งฝนตก หมอกลงจัด หรือวันที่อากาศปลอดโปร่ง ซึ่งเป็นโชคดีที่ในวันที่เราปั่นจักรยาน อากาศดี ฟ้าสวย ทุ่งนาสีเขียวขจี ตอนนั้นเราไม่ได้วางแผนอะไรมาก่อน มีแค่แผนที่ ที่ขอมาจากสถานีรถไฟ ตั้งใจจะปั่นไปเรื่อยๆ รอบๆ เมือง โดยเลือกปั่นออกนอกถนนช้อปปิ้ง แล้วอ้อมขึ้นภูเขาไปอีกด้านหนึ่ง ทำให้สามารถปั่นสบายไม่ต้องระวังคนที่กำลังเดินช้อปปิ้งอยู่
ระหว่างทางที่เราปั่นจักรยานก็เจอบ้านเรือนชาวบ้าน ทุ่งนาสีเขียว รถม้าลากสำหรับนำเที่ยว ร้านคาเฟ่น่ารัก ทางรถไฟ แม่น้ำที่ไหลผ่านเมือง เป็นเสน่ห์ที่เรียบง่าย และติดตรึงใจเราจวบจนทุกวันนี้ ดังนั้นตลอดสองข้างทางระหว่างที่ปั่น ก็ได้แวะถ่ายรูปบ้าง แวะกดน้ำจากตู้บ้าง ท้องร้องก็แวะร้านแฮมเบอร์เกอร์ทานง่ายๆ บ้าง แวะไหว้พระที่ศาลเจ้า และยังได้แวะนั่งพักที่ทะเลสาบคิรินโกะ ซึ่งเป็นไฮไลต์สำคัญของยูฟุอินด้วย ซึ่งตลอดการปั่นจักรยานเราเห็นภูเขายูฟูอยู่ตลอดเส้นทางเลยนะ
ภูเขายูฟูนี้มีความสูงราวๆ 1,583.3 เมตร ซึ่งไม่สูงมากนัก สามารถใช้เวลาไปเช้า-เย็นกลับสำหรับทริป Trekking กับสมาชิกในครอบครัวได้ โดยใช้เวลาเดินถึงยอดเขาราวๆ 5 ชั่วโมง ในเส้นทางที่บุคคลทั่วไปสามารถเดินได้ จะพกพาข้าวปั้น หรือขนมไปกินระหว่างทางก็สบายเลย
ในคิวชูแล้ว ถ้าใครสนใจทริปปีนเขา เพลิดเพลินกับเส้นทางธรรมชาติ ลองไปเยือนภูเขายูฟูดูก็น่าจะสนุกสนานดีค่ะ
เว็บไซต์ (ภาษาอังกฤษ) : Mount Yufu
ภูเขาไฟฟูจิ (Mount Fuji)
สำหรับภูเขาไฟฟูจิคงไม่มีใครไม่รู้จักอย่างแน่นอน ภูเขาฟูจิ เป็นภูเขาที่สูงที่สุดในญี่ปุ่น รอบๆ ภูเขาเต็มไปด้วยธรรชาติอันงดงาม และเป็นอุทยานแห่งชาติและมีทะเลสาบรายล้อมอยู่ 5 แห่ง ได้แก่ ยามานากาโกะ คาวากุจิโกะ โมโตสุโกะ โชจินโกะ ไซโก้ อุทยานแห่งชาติฟุจิ-ฮะโกะเนะ-อิซุ และน้ำตกชิระอิโตะ
ภูเขาฟูจิ เป็นภูเขาที่สูงที่สุดในประเทศญี่ปุ่น ราว 3,776 เมตร ตั้งอยู่บริเวณจังหวัดชิซุโอะกะและจังหวัดยามานาชิ เมื่อขึ้นไปบนยอดในวันที่อากาศแจ่มใสสามารถมองเห็นจากโตเกียวได้ และช่วงที่มีหิมะปกคลุมบริเวณยอดเขา ที่นี่จะเป็นจุดดึงดูดนักท่องเที่ยวจากทั่วโลกให้มาเฝ้ามองมัน จึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่เรามักจะเห็นภูเขาไฟฟูจิปรากฎอยู่ในบทกลอนญี่ปุ่นภาพพิมพ์สวยงาม รวมทั้งในผลิตภัณฑ์สินค้า ชื่อนักซูโม่ และอื่นๆ อีกมากมาย จึงเรียกได้ว่าภูเขาไฟฟูจินี้ เป็นหัวใจของญี่ปุ่นเลยก็ว่าได้
ในช่วงเดือนกรกฎาคม – สิงหาคม ของทุกปี เป็นช่วงที่ภูเขาฟูจิเปิดอย่างเป็นทางการให้นักท่องเที่ยวได้ขึ้นไปปีน ทางขึ้นก็มีหลายทาง ไม่ว่าจะเป็นคาวากุจิโกะกุจิ ฟูจิโนะมิยะกุจิ สุบาชิริกุจิ โกะเตนบะกุจิ เป็นต้น ใครที่ชอบปีนเขาก็ลองขึ้นดู ถ้าเริ่มเดินขึ้นจาก โกะโกะเม ถึงยอดเขา จะใช้เวลาประมาณ 6 ชั่วโมง โดยเฉลี่ย และเวลาลงก็จะใช้เวลา 4 ชั่วโมง แต่ใครที่สนใจอยากจะปีนเขาฟูจิ ต้องเตรียมตัวและร่างกายให้พร้อมด้วย ไม่อย่างนั้นจะมีอาการบาดเจ็บได้
แต่สำหรับคนที่หลงใหลภูเขาไฟฟูจิ และปรารถนาที่จะชื่นชมมัน ก็มีทางเลือกอื่นนอกจากการปีนเขา นั่นคือการเดินทางท่องเที่ยวตามจังหวัดที่อยู่รายล้อมภูเขาฟูจิก็สามารถทำได้ ยกตัวอย่างเส้นทางริมทะเลสาบคาวากุจิโกะ ที่เหล่านักท่องเที่ยวสามารถเพลิดเพลินกับการเดินเล่นริมทะเลสาบไปพร้อมกับการชื่นชมทัศนียภาพของภูเขาฟูจิได้เช่นกัน
เว็บไซต์ (ภาษาอังกฤษ) : Mount Fuji
ภูเขาบันได (Mount Bandai)
งานพาเราไปยืนมองภูเขาบันไดลูกนี้ ในฤดูหนาวที่ผ่านมา ขณะที่ล่องเรือในทะเลสาบ Inawashiro ถึงวันนั้นท้องฟ้าจะไม่ปลอดโปร่งนักแต่เราก็สัมผัสได้ถึงความน่าหลงใหลของภูเขาตรงหน้า ในวันและเวลาที่อากาศดีๆ ภูเขาลูกนี้ต้องสวยมากแน่ๆ
สำหรับภูเขาบันได แห่งนี้เป็นหนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวกลางแจ้งยอดนิยมในจังหวัดฟุกุชิมะ มีความสูงราวๆ 1,819 เมตร สามารถเดินป่า ปีนเขาได้ในช่วงฤดูร้อน และเล่นสกีในช่วงฤดูหนาว ย้อนอดีตไปในปี 1886 ภูเขาไฟบันไดลูกนี้ เคยปะทุจนทำให้เกิดบ่อน้ำสวยงาม แล้วก็มีการขนานนามว่าที่ราบสูงบันได (Urabandai) ขึ้น ใกล้กันยังมีภูเขาไฟที่มีความสวยงามชื่ออาซุมะ โคฟุจิ (Azuma-Kofuji) อยู่ด้วย
สำหรับนักท่องเที่ยวที่สนใจ Trekking สามารถเดินทางไปยังเส้นทางชมวิว Bandaisan Gold Line ซึ่งอยู่ทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ของภูเขา ซึ่งเส้นทางนี้เป็นที่นิยมของนักท่องเที่ยวจากทั่วโลก และคนญี่ปุ่นอย่างยิ่ง ในช่วงปลายเดือนตุลาคม ที่ต้นไม้ใบไม้บนภูเขาจะเปลี่ยนเป็นสีส้มและเหลืองสลับกันสวยงามมาก
ส่วนเส้นทางเดินป่าของภูเขาลูกนี้แนะนำให้เริ่มต้นที่จุด Happodai Trailhead จะใช้เวลาเดินราวๆ 2 ชั่วโมงก็จะถึงยอดเขา ระหว่างเส้นทางจะผ่านจุดชมวิว และจุดท่องเที่ยวที่น่าสนใจมากมาย อาทิเช่น ยอดภูเขาต่างๆ บ่อน้ำพุร้อนสำหรับแช่เท้า เมื่อเดินผ่านไป 90 นาทีจะเริ่มออกจากป่าไปยังกระท่อมบนภูเขาที่สามารถมองเห็นวิวแบบพาโนราม่าอันงดงาม แล้วเดินต่ออีก 20-30 นาทีจึงถึงยอดเขา และเมื่อเดินชมภูเขาแห่งนี้เสร็จสิ้นก็สามารถเข้าชมพิพิธภัณฑ์อนุสรณ์การระเบิดของภูเขาไฟบันไดได้ (ค่าเข้าชมราคา 600 เยน) และในช่วงฤดูหนาวที่นี่ก็เป็นลานสกียอดนิยมเช่นกัน
เว็บไซต์ (ภาษาอังกฤษ) : Mt.Bandai
ภูเขาอาโซะ (Mount Aso)
หนึ่งในภูเขาสวยแห่งภูมิภาคคิวชู ที่เห็นเพียงแว้บเดียวก็ตกหลุมรักในทันที และเมื่อมีโอกาสต้องพาเขาไปยืนมองอยู่ข้างๆ กันด้วยแน่ๆ
ความเขียวขจีในช่วงปลายฤดูร้อน เป็นเสน่ห์ที่หาตัวจับยากมากๆ สำหรับภาพภูเขาสวยที่มีม่านหมอกปกคลุมแบบนี้ ยิ่งในวันที่ฝนเพิ่งตกไป ที่นี่จะสวยงามน่าประทับใจ รวมทั้งกลิ่นหอมจากภูเขาก็โชยจางๆ ดีงามมาก
สำหรับภูเขาไฟอาโซะแห่งนี้ มีความสูง 1,592 เมตร ตั้งอยู่ในจังหวัดคุมาโมโต้ สำหรับนักท่องเที่ยวที่สนใจจะขึ้นไปชมความงดงามของภูเขาไฟแห่งนี้ สามารถใช้บริการกระเช้าลอยฟ้าเพื่อขึ้นไปยังจุดชมวิวของภูเขา เวลาเพียง 4 นาทีเท่านั้น
แต่ภูเขาไฟอาโซะแห่งนี้ยังเป็นภูเขาไฟที่ยังคลุกกรุ่นอยู่ จึงสามารถประทุได้ตลอดเวลา ทำให้พื้นที่บางจุดจะปิดให้บริการเพื่อป้องกันอันตรายสำหรับนักท่องเที่ยว
เว็บไซต์ (ภาษาอังกฤษ) : Mt. Aso Ropeway
ภูเขาไดเซน (Mount Daisen)
ภูเขาไดเซน เป็นภูเขาไฟที่มีขนาดใหญ่ สูงถึง 1,729 เมตร ตั้งอยู่ในจังหวัดทตโตะริ ภูเขาไดเซนเป็นอุทยานแห่งชาติที่มีชื่อเสียงมากที่สุดเป็นอันดับ 3 ของประเทศญี่ปุ่น อีกทั้งยังได้ชื่อว่าเป็นฝาแฝดของภูเขาไฟฟูจิอีกด้วยล่ะ
แต่แค่ยืนมองอยู่ไกลๆ ก็สัมผัสได้เลยว่า บนภูเขาลูกนี้จะต้องอุดมไปด้วยความงดงามทางธรรมชาติ ทั้งต้นไม้ใบหญ้าที่ผลัดเปลี่ยนไปตามแต่ละฤดูกาล ดังนั้นช่วงที่นักท่องเที่ยวนิยมมาจึงเป็นช่วงที่ใบไม้เปลี่ยนสี เพราะทั้งภูเขาลูกนี้จะถูกระบายด้วยสีส้มแดงเหลืองงดงามราวกับภาพวาด แนะนำให้มาตอนปลายเดือนตุลาคม-กลางเดือนพฤศจิกายนนะคะ
และในฤดูกาลอื่นๆ นักท่องเที่ยวก็สามารถมาทำกิจกรรมสนุก ๆ ในช่วงฤดูร้อนได้ อย่างเช่นกิจกรรมขี่ม้า ปีนเขา เดินป่า ตั้งแคมป์ก็ได้ สำหรับฤดูหนาวก็สามารถมาเล่นสกี รวมทั้งสโนว์บอร์ดได้อย่างเพลิดเพลินเชียวนะ
สำหรับนักท่องเที่ยวที่สนใจ Trekking ทางจังหวัดมี คอร์สปีนเขา “ปีนเขาไดเซ็น”และโวลันเทียร์ไกด์ให้ด้วย แนะนำให้จองล่วงหน้า ติดต่อสอบถาม ศูนย์แนะนำการท่องเที่ยวไดเซ็น โทร.0859-52-2502
เว็บไซต์ (ภาษาญี่ปุ่น) : คอร์สทั้งหมดและคู่มือการปีนเขาไดเซ็น(เว็บไซต์การท่องเที่ยวไดเซ็น)
ภูเขาฮักโกดะ (Mount Hakkoda)
ภูเขาฮักโกดะ นั้นตั้งอยู่ในจังหวัดอาโอโมริ และเป็นหนึ่งในร้อยภูเขาที่มีชื่อเสียงของญี่ปุ่น อีกทั้งยังมีกระเช้าลอยฟ้าที่สามารถพาท่านขึ้นไปจนใกล้กับยอดเขา ภูเขาสวยแห่งนี้มีความสูงจากระดับน้ำทะเลราวๆ 1,324 เมตร การได้ชมวิวทิวทัศน์ของใบไม้เปลี่ยนสีช่วงต้น-กลางเดือนตุลาคม จากบนกระเช้าลอยฟ้านั้น จะสร้างความประทับใจให้อย่างไม่รู้ลืม
สำหรับผู้ที่ชื่นชอบการเดินป่า ภูเขาฮักโกดะแห่งนี้ ก็มีเส้นทางเดินอยู่มากมายโดยรอบ โดยเส้นทางที่นิยมกันก็จะเป็นเส้นทางผ่านเคนะชิไท ซึ่งเป็นพื้นที่ลุ่มน้ำสองแห่งที่เชื่อมด้วยบันไดสูงชัน มีความงดงามของต้นไม้และพุ่มไม้ที่เปลี่ยนสีเช่นกัน
และในช่วงฤดูหนาวหิมะจะตกในบริเวณภูเขาเป็นปริมาณมาก ทำให้ต้นไม้ถูกแช่แข็งด้วยหิมะจนกลายเป็นรูปร่างแปลกๆ แตกต่างกันไปที่เรียกกันว่า ปีศาจหิมะ หรือ สโนว์มอนสเตอร์ นั่นแอง
หากนักท่องเที่ยวท่านใด มีความสนใจจะเดินทางไปที่นี่ กรุณาตรวจเช็คสภาพอากาศก่อนเดินทางไป เนื่องจากกระเช้าจะไม่เปิดทำการในวันที่มีลมแรงนะจ๊ะ
เว็บไซต์ (ภาษาอังกฤษ) : Hakkoda Ropeway
จริงๆ แล้วภูเขาในประเทศญี่ปุ่นก็ล้วนมีเสน่ห์ด้วยกันทั้งนั้น ไม่ว่าจะไปยืนดูภูเขาลูกใด เราก็มักจะนึกถึงคนที่ไม่ได้ไปยืนข้างๆ ด้วยอยู่ดี ยังไงถ้ามีโอกาส มีวันลาพักร้อน มีสตุ้งสตางค์ประมาณนึง ก็ลองหาข้อมูลภูเขา แล้วแบกกระเป๋าไปเที่ยวกันค่ะ