เติมหวานด้วย “คาเฟ่ผลไม้” ในโตเกียว
สำหรับประเทศที่มีฤดูที่แตกต่างกันชัดเจนอย่างญี่ปุ่น สิ่งที่เรามักจะรอคอยเสมอตอนที่ยังอยู่ที่นั่นก็คือ ผลไม้ประจำฤดูกาล! ซึ่งหมุนเวียนเปลี่ยนไปตลอดทั้งปี คาเฟ่ผลไม้
อย่างช่วงเดือนกุมภาพันธ์ที่เข้าสู่ปลายฤดูหนาว เริ่มเข้าสู่ฤดูใบไม้ผลิ ผลไม้ยอดฮิตก็จะเป็นสตรอเบอร์รี่ หรือถัดไปช่วงกลางของฤดูใบไม้ผลิหน่อยก็จะมี นัทสึมิคัง (ส้มฤดูร้อน!?) ที่มีความแปลกคือชื่อว่าฤดูร้อน (ที่เริ่มเดือนกรกฎาคม) แต่ช่วงที่เหมาะกับการกินกลับเป็นช่วงเมษายน – พฤษภาคมที่เป็นฤดูใบไม้ผลิซะงั้น…
เล่าเรื่องผลไม้มาขนาดนี้ จะมีแต่ตัวหนังสือได้อย่างไร! ต้องพาไปดูซะหน่อยแล้วว่าเมืองที่คาเฟ่ผุดเป็นดอกเห็ด (จริง ๆ! ไม่เว่อร์!) อย่างโตเกียวเนี่ย มีร้านแนวผลไม้สุดปังบ้างมั้ยนะ?
(ร้านดัง) FRUIT PARLOR KAJITSUEN
คาเฟ่นี้จะเน้นผลไม้เป็นพิเศษ ไม่ว่าจะเป็นของคาวหรือของหวานหวานก็ต้องเสิร์ฟพร้อมผลไม้เสมอ แถมยังเอาใจคนรักผลไม้ด้วยบุฟเฟ่ต์ผลไม้แบบไม่อั้น 90 นาที (3,800 เยน *ไม่รวมภาษี) เรียกว่าใครอยากลองผลไม้ของญี่ปุ่นต้องมา ที่เดียวจบ! จะผลไม้สดหรือดัดแปลงเป็นเมนูต่าง ๆ ก็มีครบ ที่สำคัญ เค้กน่ากินมาก ๆ ไส้ผลไม้แน่นสุด!
อย่างเมนู Roast Beef จานนี้ที่เสิร์ฟเนื้อพร้อมผลไม้เต็มจานแบบไม่น่าเชื่อว่าเป็นของคาว
เมนูของหวานอื่น ๆ เช่น แซนด์วิชผลไม้ ก็เสิร์ฟพร้อมผักและผลไม้เพิ่มอีก 2 – 3 อย่างด้วยเช่นกัน เรียกได้ว่าสาวกผลไม้ถูกใจสิ่งนี้!
เครื่องดื่มก็มีหลากหลาย เช่น ชาผลไม้สมุนไพร แก้วในรูปนี้จะเป็น Rosehip – Hibiscus – Stevia – Liquorice ทางร้านอธิบายว่า มีวิตามิน C และมีกลิ่นอโรมาช่วยผ่อนคลายความเครียด อันนี้คือสั่งมาจิบแกล้มของหวานช่วยแก้เลี่ยนดีมาก ฟินสุด ๆ
ใครมาช่วงกลางคืน ร้านนี้มีไวน์หลากหลายแบบให้เลือกสรรด้วย (ไวน์ก็ถือว่าเป็นน้ำผลไม้! สำหรับคุณผู้ใหญ่!!) คือจะกินก่อนเที่ยว หรือเที่ยวเสร็จแวะมากินก่อนกลับโรงแรมก็คือได้หมดเลย
ข้อดีของร้านแนวแฟรนไชส์คือเดินทางได้สะดวกและตั้งอยู่กลางร้านดังในหลาย ๆ ย่าน เช่น โตเกียว ชินจูกุ ชิบุยะ อิเคะบุคุโระ คิจิโจจิ ฯลฯ ลองเช็คโลเคชั่นกับเวลาทำการของร้านได้ที่ลิงค์นี้เลย http://kajitsuen.jp/html/spp_03.html
เวลาเปิด – ปิด : 09.00 – 22.30 น. (ไม่มีวันหยุด)
*เฉพาะวันอาทิตย์ ปิดเวลา 21.30 น.
Google Map (สาขาชินจูกุ)
(ร้านลับ) JULES VERNE COFFEE ROASTER
ร้านกาแฟและแซนด์วิชผลไม้เล็ก ๆ ในซอยย่านโคเอนจิ ย่านช็อปปิ้งสินค้าวินเทจที่ถูกใจสาวญี่ปุ่นสายหวานหลาย ๆ คน ที่สำคัญ นอกเหนือจากความอร่อยน่ากินแล้ว ทางร้านยังจำนวนจำกัดเพียง 40 ชิ้นต่อวันเท่านั้น!
ความแอดเวนเจอร์ในการมาร้านนี้คือถ้าเราเดินตาม Google Map มา เราจะต้อง “เดินลอดใต้ทางรถไฟ” มาจนถึงร้านที่ตลอดทางจะเงียบมาก มีแค่ที่จอดจักรยาน ตู้กดน้ำบ้างประปราย ไม่เหมือนเป็นย่านร้านขนมหรือสถานที่ท่องเที่ยวเลยสักนิด จนเริ่มไม่แน่ใจว่า นี่เรามาถูกจริง ๆ หรือเปล่า?
เดินเข้ามาสักพักจะมีซูเปอร์มาร์เก็ตชื่อ Big A แล้วเลี้ยวขวา จะเข้าสู่ย่านที่พักอาศัยของคนญี่ปุ่นแท้ ๆ จุดหมายของเราจะอยู่ในอพาร์ทเมนต์สีขาวด้านขวามือ (ที่มีคนต่อคิวกันเยอะ ๆ ในรูปเลย)
ร้านตั้งอยู่ชั้นแรกของ โคเอนจิ อพาร์ทเมนท์ (Koenji Apartment) โดยที่ร้านค้าในย่านนี้จะเน้นของวินเทจแทบทั้งหมด เช่น ของแต่งบ้าน ซ่อมนาฬิกา พอมาปนกับความสงบของย่านพักอาศัยสไตล์ญี่ปุ่นแล้ว เรียกว่าบรรยากาศดี อบอุ่น เหมือนได้มาพักผ่อนของจริง
อย่างที่บอกไปว่าแซนด์วิชผลไม้แบบโฮมเมดของร้านนี้มีจำนวนจำกัด อันดับแรกที่เราต้องทำคือหาสมุดคิวที่วางอยู่หน้าร้านและเขียนชื่อเรา ซึ่งจะมีช่องให้เขียนแค่ 40 ชื่อเท่านั้น หมดแล้วหมดเลยนะ! (ร้านเปิดเวลา 11.30 น. เคยไป 13.00 น. ได้คิวที่ 39 เฉียดฉิวสุด ๆ)
หลังจากลงชื่อแล้วจะต้องรอจนมีโต๊ะนั่งถึงเข้าไปสั่งขนมได้ ระหว่างที่รอนั้น เราจึงแวะไปร้านของแต่งบ้านวินเทจ ถ่ายรูปกับสวนหย่อมหน้าอพาร์ทเมนท์ที่มีต้นไม้ดอกไม้ ถ้ามาช่วงใบไม้ผลิที่อากาศกำลังอุ่นจะดีมาก ๆ เหมือนได้มาพักผ่อนช่วงสาย ๆ เติมพลังก่อนไปเที่ยวได้ดีมาก ๆ เลย
รีวิวบรรยากาศไปแล้ว ถึงเวลาของแซนด์วิชที่เรารอคอย จานนี้ด้านซ้ายเป็นไส้องุ่นไชน์ มัสคัส (Shine Muscat) ส่วนชิ้นด้านขวาเป็นไส้มะเดื่อฝรั่ง (ลูกฟิก – Common Fig) กับพีช แต่งจานด้วยบลูเบอร์รี่
ส่วนจานนี้เมนูยอดฮิต “สตรอเบอร์รี่ครีมสด” แต่งจานด้วยบลูเบอร์รี่เหมือนเดิม เพิ่มเติมคือสั่งอเมริกาโน่มาลองด้วย
เมล็ดกาแฟที่ร้านนี้จะไม่เข้มมาก ไปทาง Fruity Note ใครติดรสเข้มแบบกาแฟดำที่ไทยอาจจะไม่ชิน แต่สำหรับเราว่าลื่นคอ ดื่มง่ายดี มาคู่ครีมสดเนื้อแน่น ๆ (เป็นข้อดีของร้านโฮมเมดที่ทำวันต่อวัน เพราะเมนูนี้ หากทิ้งไว้นานครีมสดจะไม่เซ็ตตัวแล้วจะเหลว ๆ ไม่เต็มปากเต็มคำ) หอมผลไม้สด กินเพลินแป๊บเดียวหมดจานเลย!
เมนูแซนด์วิชผลไม้จะมีให้เลือกประมาณ 3 – 4 แบบ เปลี่ยนไปตามฤดูกาลหรือตามแต่ร้านจะหาวัตถุดิบได้ โดยจะมีไส้สตรอเบอร์รี่เป็นหลัก แต่หากเรามาจองซื้อเป็นคิวท้าย ๆ ไส้ที่เราอยากกินหรือผลไม้ประจำฤดูกาลอาจจะขายไปหมดแล้ว ยิ่งคิวเกือบสุดท้ายอย่างเรา ยิ่งไม่มีสิทธิ์เลือก TT (ต้องวิ่งสู้ฟัดเพื่อของอร่อย)
บางทีร้านก็จะลงรูปทางอินสตาแกรมด้วยว่าวัตถุดิบครั้งนี้มีผลไม้จากจังหวัดไหนเข้ามาบ้าง ยิ่งทำให้เราอินกับขนมที่กินอยู่มากขึ้นไปอีก ใครที่สนใจเข้าไปดูหริอติดตามได้ทาง @julesvernecoffeeroaster ได้เลย หรือจะดูจากรูปที่ลูกค้าติดแท็กสถานที่ JULES VERNE COFFEE ก็จะเจอรูปแซนด์วิชผลไม้ชิ้นโตครีมแน่น ๆ น่ากินเต็มไปหมด
เมื่อไหร่จะได้บินไปกินอีกรอบกันนะ…
เวลาเปิด – ปิด : 11.30 – 17.00 น. (หยุดทุกวันจันทร์และอังคาร)
ข้อควรระวัง : เมนูและสมุดคิวทั้งหมดเป็นภาษาญี่ปุ่น
Google Map