Drive Trip in Japan

Drive Trips in Japan ทริปนี้ดีมีรถเที่ยว#1


“..ไดรว์ทริป อิน เจแปน..” (ตอนที่ 1)


ถ้าคิดถึงการวางแผนเดินทางไปเที่ยวที่ประเทศญี่ปุ่น ร้อยทั้งร้อยจะคิดถึง การเดินทางด้วยรถไฟสาย JR เป็นหลัก เพราะสะดวกรวดเร็ว และสามารถวางแผนการเดินทางได้ง่าย รวมถึงการมีโปรโมชั่นตั๋วแบบรายสามวัน เจ็ดวัน ในราคาที่ถูกมากๆ (ถ้าคิดเทียบกับรายเที่ยวแล้ว) แต่การเที่ยวด้วยรถไฟนั้น น่าจะเหมาะกับการท่องเที่ยวแบบลุยๆ หรือแบ็คแพ็คเกอร์จริงๆ เพราะว่าเราต้องแบกกระเป๋าไปด้วยทุกที่ รวมถึงทุกครั้งที่เรานั่งรถไฟ JR แล้วเห็นสถานีนี้สวยๆ สถานนีนี้น่าสนใจ อยากจะลงแวะเที่ยวล่ะ ทำยังไงดี กว่ารถไฟรอบต่อไปจะมา เสียเวลาไปอีก ทริปนี้เราก็เลยตัดสินใจ หาเช่ารถขับเที่ยวแทนการนั่งรถไฟกันดีกว่า…Drive Trips in Japan  Let’s Go..!!


เริ่มต้นวางแผนการเดินทาง..

ทริปขับรถเที่ยวทริปนี้ เราวางแผนจะไปเที่ยวกันที่ภาคกลางของญี่ปุ่น คือเมืองนาโงย่า นากาโน่ และเมืองกิฟุ นอกจากเดินทางสะดวกแล้ว ยังมีสิ่งอำนวยความสะดวกสำหรับทริปขับรถทริปนี้อีกด้วย โดยเราวางแผนจะไปเที่ยวกัน 8 วัน (รวมวันเดินทางด้วยเครื่องบิน) เดินทางออกจากกรุงเทพ ราวๆเที่ยงคืน มาถึงสนามบิน ชุบุ เซ็นแทร (นาโงย่า) เอาตอนแปดโมงเช้า โดยประมาณ….ดังนั้นเมื่อเรามาถึงที่สนามบิน กินข้าวกันให้เรียบร้อยแล้วเราก็จะรับรถ ขับไปเที่ยวกันได้เลยทันที เพราะที่สนามบินนานาชาติ Chubu Centrair International Airport  นี้สะดวกมากๆ สำหรับผู้ที่ต้องการเดินทางต่อไปยังจังหวัดอื่นๆ ทั้งรถไฟ รถบัส รถเมล์ แถมมีเรือด้วย ในส่วนของศูนย์ที่เราจะรับรถก็อยู่ที่ชั้นล่างของสนามบินนั่นแหละ…

แผนที่เราวางไว้สำหรับทริป 7 วัน ก็คิดว่าเราอยากจะไปชิมผลไม้สดๆจากสวน Miharashi Farm ไปทำเส้นโซบะ ไปแช่ออนเซ็นชมวิวภูเขา ทะเลสาป Suwa ไปดูโรงงานผ้าทอ Okaya Silk Museum ไปดูหอนาฬิกาโบราณ ไปไหว้ศาลเจ้าใหญ่ Suwataisha-Shimosha  ไปเที่ยวมิวเซียมกล่องดนตรีที่ nidec sankyo music box museum  แล้วขับรถยาวๆไป ชมถนนที่วิวสวยที่สุดในญี่ปุ่น Venus Line พักรถที่จุดพัก เดินเที่ยวต่อที่พิพิธภัณฑกลางแจ้ง Utsukushigahara Open Air Museum แล้วที่พลาดไม้ได้ ก็ต้องเป็นปราสาท Matsumoto อุทยานสวยๆ Kamikochi เที่ยวถ้ำ Hida แล้วแต่งชุดญี่ปุ่นมาเดินย่านเมืองโบราณ Takayama หมู่บ้านที่สวยระดับโลกอย่าง Shirakawago แล้วไปกินเนื้อที่ขึ้นชื่ออย่างเนื้อ ฮิดะ ที่ Bokka No Sato Farm ไปเดินเที่ยวเมือง Gujo Hachiman เที่ยวย่านการค้าโบราณ Udatsu No Agaru Machinami ไปดูนกกาน้ำจับปลาอายุที่ Nagara River ไปนั่งกระเช้าขึ้นไปชมปราสาท Gifu เที่ยวพิพิธภัณฑ Toyota Commemorative Museum พิพิธภัณฑรถไฟ SCMaglev And Rilway Park แล้วขึ้นไปชมวิวเมืองญี่ปุ่นที่ยอดตึก Midland Squear Sky Promenade ลงมาต่อที่ ปราสาท Nagoya เซฟฟี่กับกลุ่มนินจา ก่อนขึ้นเครื่องกลับ แวะช็อปปิ้งที่ Aeon Mall Tokoname ที่อยู่ห่างจากสนามบินแค่ 5 นาที …. คือแผนที่อยากไปเยอะขนาดนี้ นี่คิดอยู่ว่าจะไปเจ็ดวัน รึว่าไปกันเป็นเดือนดีนะ…(ฮ่า)

route map for drive trip in japan
เส้นทางที่วางแผนไว้ในทริป

แผนการต่อไป จัดการจองรถ ทำใบขับขี่สากล เช็คสภาพอากาศ…

เรื่องรถที่จะใช้ขับที่ญี่ปุ่น จริงๆแล้วจะใช้รถยุโรป รถอเมริกัน ก็ใช้ได้ แต่มันกลัวไม่อินเท่าไหร่ ไหนๆไปญี่ปุ่น ก็เช่ารถญี่ปุ่นสิฮะ….การเช่ารถนั้น มีสิ่งที่ต้องคิดเบื้องต้นคือ

1.ขนาดรถต้องสัมพันธ์กับจำนวนคน และบรรดาสัมภาระที่จะติดตัวไปตลอดทริป เช่นเช่ารถเล็ก นั่งไป 4 คน มีกระเป๋าเขื่องๆอีก 4-6 ใบ จะวางได้ไหม แล้วต้องช็อปปิ้งอีกรึเปล่า กรณีนี้ ถ้าเป็นบ้านเราคงเบียดๆกันไปได้ แต่ที่ญี่ปุ่น กฏหมายจะระบุไว้ว่าผิดนะจ๊ะ

2.ขนาดรถ ระยะเวลาเช่า และรุ่นของรถ จะมีค่าเช่าต่างกันด้วย รถที่มีให้เช่าก็เยอะตามที่เราอยากได้ เช่น เก๋ง 4 ประตู เก๋ง 5 ประตู รถแวน รถไฮบริดจ์ รถสปอรต์ รถตู้ รถมินิ…

3.จุดรับรถ-คืนรถ อันนี้จะต้องวางแผนให้ดี เพราะบางทีจุดที่จะต้องคืนรถนั้น ห่างจากสนามบินหรือที่พักมาก ทำให้กระเป๋าของเรานั้นต้องขนย้ายด้วยความขลุกขลักทุลักทุเล จะพาลเที่ยวไม่สนุกเอา ลองค้นดูข้อมูลแล้วพบว่า มีรถเช่าของบริษัท Toyota Rant a Car สามารถรับรถที่จุดนึง แล้วเอาไปคืนอีกจุดนึงได้ด้วย อันนี้เจ๋งมาก แต่ต้องเช็คให้ดีว่าสามารถคืนข้ามจังหวัด หรือข้ามเมืองด้วยได้หรือเปล่านะ

4.สภาพอากาศ ช่วงที่เราจะต้องเดินทาง เช่นมีฝนตกไหม ขับลุยหิมะรึเปล่า ขึ้นเขา (ลงห้วยคงไม่มีอ่ะนะ) ก็เช็คแล้วก็ระบุไว้ตอนทำการเช่ารถด้วยซะล่ะ เพราะสภาพอากาศบางที่ต้องมีอุปกรณ์เสริมให้กับรถนะ

ตอนนี้มีตารางการเดินทางแล้ว เช็ครถที่อยากได้แล้ว ก็ทำการจอง จะจองออนไลน์ก็ได้ ค่ายไหนก็ได้ ดูเอาที่สะดวกกับการเดินทางแล้วกัน แต่ทริปนี้เราจองผ่านบริษัท  Toyota Rant a Car เพราะดูแล้วลงตัวที่สุดสำหรับทริปนี้นอกจากจะง่ายในการจอง ยังมีตัวแทนอยู่ในไทยด้วย เราสามารถจองรถผ่านตัวแทนในไทยได้เลยสะดวกดี และขั้นตอนสุดท้ายคือไปทำใบขับขี่สากล

5.การทำใบขับขี่สากล ก็ง่ายตอนทำ ช้ำตอนรอ เพราะรอคิวน๊านนาน แต่ทำแป๊ปเดียวเสร็จ เอาใบขับขี่กับบัตรประชาชนเราไป คู่กับพาสปอรต์ แล้วก็รูปถ่าย 1 นิ้ว 2 รูป บวกเงินอีก 505 บาทก็จะได้กระดาษแข็งๆ พับสามทบมาอันนึง มีรูปถ่ายเราแปะโชว์อยู่ กับรายละเอียดว่าสามารถเอาใบขับขี่สากลนี้ไปใช้ที่ประเทศไหนได้บ้าง (ใบขับขี่สากลมีอายุ 1 ปีนะจ๊ะ) เท่านี้ก็เรียบร้อย…..ตารางเที่ยวมีแล้ว รถเช่าแล้ว ใบขับขี่ทำแล้ว ตั๋วเครื่องบินซื้อแล้ว ที่พักจองแล้ว …พร้อมมมม…Let’s Go !!!

รถเช่า ใบขับขี่สากล
จองรถเช่า ทำใบขับขี่สากล พร้อมแล้ว

เริ่มต้นเที่ยว วันแรก…

วันแรกของการเดินทางตามกำหนดการ เราไปลงที่สนามบินนานาชาติ Chubu Centrair International Airport สนามบินใหญ่โตเหมือนห้างสรรพสินค้า เอาแค่เดินเที่ยวในสนามบิน ก็หมดเวลาไปครึ่งวันแล้ว ที่นี่มีทั้งร้านอาหาร มีห้องอาบน้ำที่สามารถชมวิวลานจอดเครื่องบินได้ด้วย มีร้านของฝากมากมาย ที่สำคัญสนามบินนี้มีการเปิดให้นักท่องเที่ยว สามารถขึ้นไปยังบริเวณลานดาดฟ้าของอาคารได้ … เราเลยขอลองขึ้นไปเดินเล่นที่ลานดาดฟ้า (Sky Deck) เพื่อชมลานจอดเครื่องบิน บรรยากาศดี๊ดี ทางกว้างขวาง สามารถวิ่งเล่นได้สบายๆ จะขึ้นไปนั่งพัก จะไปส่งเพื่อนส่งญาติ โบกไม้โบกมือให้เพื่อน ให้ญาติกำลังจะบินแบบในละคร ก็ทำได้ ยิ่งถ้าเป็นช่วงอากาศดีๆ บนชั้นนี้มีลานเบียร์เปิดให้บริการ ดื่มด่ำกับบรรยากาศ ช่วงเย็นๆ อีกด้วยนะ….

sky deck Chubu Centrair International Airport
Sky Deck Chubu Centrair International Airport

ninja Air port
สนามบินที่นี่ มีนินจานะ

เดินเพลินๆแป๊ปๆ ก็เที่ยงล่ะ ก่อนจะไปรับรถที่จองไว้ เราแวะไปที่ Tourist Information & Service บริเวณชั้น 1 เพื่อสอบถามข้อมูลการเดินทาง และเก็บเอกสารนำเที่ยวที่น่าสนใจซึ่งเอกสารมีทั้งภาษาญี่ปุ่น และภาษาอังกฤษ จะขอเอาตัวอย่างเส้นทางท่องเที่ยวก็ขอจากที่นี่ได้ นอกจากนั้นเราสามารถทดลองใช้แอพพลิเคชั่นนำเที่ยว โชริวโด จากที่นี่ได้ก่อน มีเจ้าหน้าที่สอนด้วย ถ้าใช้ถูกใจค่อยโหลดลงเครื่อง (ลิ้งค์ดาวน์โหลด จิ้มโล้ด)จากนั้นเราก็ไปรับรถที่บริเวณชั้น 1 ของอาคารสำหรับเดินทางเข้าเมือง อาคารนี้ มีทั้งเรือโดยสาร รถบัส และรถไฟใช้สำหรับเดินทางเข้าไปในเมือง หรือจะเดินทางต่อไปยังเมืองอื่นๆก็สามารถเริ่มเดินทางจากที่นี่ได้เลยสะดวกดีจริงๆ

information
ประชาสัมพันธ์ สำหรับนักท่องเที่ยว ที่จะมาเก็บข้อมูลการเดินทาง

เดินตามป้ายจนมาถึงจุดรับรถ ก็ยื่นเอกสาร พาสปอรต์ กับใบขับขี่สากลให้เจ้าหน้าที่ จากนั้นก็รูดบัตรเครดิต ให้เสร็จเรียบร้อย ทำเอกสารเสร็จก็ออกมาตรวจสภาพรถ เดินดูให้รอบๆ ทั่วๆ มีร่องมีรอย ให้แจ้งเอาไว้ จะได้สบายใจด้วยกันทั้งสองฝ่าย รถที่ญี่ปุ่น พวงมาลัยอยู่ด้านขวาเหมือนกับที่บ้านเราขับกันปรกติ แต่ป้ายสัญญาณจราจรถ้าจะให้ดี ก็ทำความรู้จักก่อนเดินทางมา จะดีกว่านะ เพราะป้ายบางอัน ก็มีเฉพาะที่ญี่ปุ่น การอ่านป้ายเตือนจะช่วยเราได้เยอะ เมื่อทุกอย่างพร้อม เราก็ออกเดินทางกันได้เลย..\\(*0*)//

Drive Trips in Japan
เส้นทางสวยๆระหว่างเดินทางออกจากสนามบิน

Drive Trips in Japan
ชมวิวไปเพลินๆ ระหว่างเดินทาง

วิวระหว่างทางไป มิฮาราชิฟาร์ม
ขับไป ชมวิวไป อะไรจะชิลแบบนี้ ไม่มีแล้วล่ะ

วันแรกเราจะไปเที่ยวชม Miharashi Farm  ตั้งใจไปกินองุ่น แอปเปิ้ล สตรอเบอรี่ ราสเบอร์รี่ ข้าวโพดหวานกันแบบไม่อั้นซะหน่อย จากสนามบินไปยัง Miharashi Farm นั้น รวมระยะทางประมาณ 200 กม. ระหว่างทางเราแวะพักรถที่ Terrace Gate Toki ที่นี่ เป็นที่พักรถสำหรับคนที่ขับรถทางไกล มันเป็นที่ ดี๊ดี จนรู้สึกว่ามันเป็นที่เที่ยวได้เลยนะ ที่นี่มีทั้งส่วนของร้านอาหาร มีออนเซ็น มีสปา มีของกิน ของฝาก มีที่นอนดูทีวี มีโซนให้เด็กวิ่งเล่น รวมถึงมีซุปเปอร์มาร์เก็ตด้วย…

หลังจากกินข้าวแล้ว ก็เดินทางกันต่อ ด้วยเพราะเราต้องขับรถทางไกล เราก็เลยใช้เส้นทางพิเศษ ก็เหมือนทางด่วนบ้านเรานั่นแหละจะได้ไม่ตื่นเต้นกับถนนญี่ปุ่นมากเพราะรถไม่เยอะขับไปสบายๆ การขับรถที่นี่สะดวกมาก ไม่ต้องกลัวเรื่องการหลงทาง เพราะรถทุกคันมีระบบ GPS แค่ใส่รหัสหรือเบอร์โทรศัพท์ของสถานที่ ที่เราจะไป เส้นทางก็จะถูกเลือกมาให้ทันที ทริปนี้เราใช้บริการทางด่วนและบัตรเงินสดแบบอัตโนมัติหรือ ETC-Card คือผ่านช่องทางได้เลย ไม่ต้องหาควักสตางค์ให้วุ่นวายด้วยง่ายสุดๆ แต่จำกัดคือ ห้ามขับเกิน 80-90 กม./ชม. และจะมีเซ็นเซอร์คอยตรวจจับความเร็วตามทางอยู่บ่อยๆ

Terrace Gate Toki
Terrace Gate Toki จุดพักรถ ที่มีครบทุกอย่างจริงๆ

Drive Trips in Japan
ส่วนของร้านอาหาร และร้านของฝากอีกอาคารหนึ่ง ในจุกพักรถ

Drive Trips in Japan
เห็นวิวแบบนี้ จุดหมายปลายทางคงไม่สำคัญเท่าไหร่เลย

วิวระหว่างทางไปยังมิฮาราชิฟาร์ม
วิวดี อากาศดี ชีวิตดี๊ดี..

เมื่อเรามาถึง Miharashi Farm ก็บ่ายแก่ๆล่ะ เจ้าหน้าที่ก็พาเราไปชมสวนองุ่นกันก่อนเลย ที่นี่มีองุ่นหลายสายพันธุ์ รวมถึงพันธุ์พิเศษ โกลด์ฟิงค์เกอร์ มีลักษะผลเรียวยาว สีทอง และหวานหอมมากๆ ใครมาต้องลองให้ได้ เดินถัดจากสวนองุ่น ก็เป็นสวนแอปเปิ้ล แอปเปิ้ลที่นี่ ก็มี 3 สายพันธุ์ ออกลูกเต็มต้น เต็มตามากๆ อีกทั้งยังไม่ใช้สารเคมีใดๆ เราจึงเก็บจากต้นแล้วก็กินกันตรงนั้นได้เลย ที่มิฮาราชิฟาร์ม เป็นฟาร์มเปิดให้กินผลไม้กันแบบ บุฟเฟต์ องุ่นก็ราคาหนึ่ง แอปเปิ้ลก็อีกราคาหนึ่ง นอกจาก องุ่นกับแอปเปิ้ล ก็ยังมีผลไม้อื่นๆให้เลือกชิมด้วยเช่น สตอรเบอรรี่ ข้าวโพดหวาน หน่อไม้ฝรั่ง ฯ… กินผลไม้กันจุใจ แล้วเดินกลับมาที่โรงอาหาร ที่นี่นอกจากไล่ชิมผลไม้แล้ว ยังมีเวริค์ช็อปสอนการนวดเส้นโซบะ และทำขนมปังอีกด้วย เราเลือกทำเส้นโซบะ แล้วลวกกินกันแบบโซบะเย็น การได้ลองทะเส้นโซบะกินเองนี่มันฟินดีจริงๆนะ…

http://miharashi-farm.com/
ที่ มิฮาราชิ ฟารม์ มีจุดให้นั่งชิมผลไม้ ชมวิวงามๆสุดลูกหูลูกตาแบบนี้

องุ่นจาก มิฮาราชิ ฟาร์ม
องุ่นทั้ง 4 สายพันธุ์ ที่เป็นผลไม้ขึ้นชื่อของที่ฟารม์

drive-trips-in-japan ทริปนี้ดี มีรถขับเที่ยว
เรียนรู้วิธีนวดแป้งโซบะ เพื่อเอาไปทำเป็นเมนู โซบะเย็น

หลังจากที่กินอิ่มแล้วเราก็เริ่มง่วง ระหว่างทางที่เราขับรถเพื่อจะกลับไปยังโรงแรมที่พัก  เราเจอโรงอาบน้ำสาธารณะอยู่ติดกับทะเลสาป Suwa วิวที่นี่สวยมาก ที่โรงอาบน้ำนี้มีบ่อออนเซ็นที่สามารถแช่กลางแจ้งได้อีกด้วย

drive-trips-in-japan ทริปนี้ดี มีรถขับเที่ยว #1
วิวทะเลสาป Suwa ระหว่างทางกลับไปโรงแรมที่พัก

ขับกลับมาถึงโรงแรมที่พัก ก็ราวทุ่ม คืนนี้เราเลือกพักที่ Sosennoyado Suhaku Ryokan โรงแรมที่นี่อยู่ติดกับทะเลสาป Suwa เหมือนกันแต่อยู่อีกฟากหนึ่ง ห้องสวยมากกกก … เอากระเป๋าสัมภาระไปเก็บเสียก่อน แล้วลงมากินข้าวเย็น ที่ทางโรงแรมเตรียมเอาไว้ให้เรา..

โซเซ็นโนะยาโดะ ซุฮากุ เรียวกัง (Sosennoyado Suhaku Ryokan)
โซเซ็นโนะยาโดะ ซุฮากุ เรียวกัง (Sosennoyado Suhaku Ryokan) ที่พักนี่มีออนเซ็นด้วย

Kaiseki set
อาหารเซ็ตไคเซกิ แบบนี้ต้องจบด้วยเครื่องดื่มเย็นๆ แล้วค่อยไปแช่ออนเซ็นนะ

แน่นอนว่าหลังอาหาร เราก็ไปแช่ออนเซ็น ที่นี่ก็มีบ่อออนเซ็นแบบเปิด แช่ไป ดูวิวนับดาวไป อาห์…..นี่แค่วันแรกของการเดินทางเองนะ  วันพรุ่งนี้จะมันส์ขนาดไหน รอติดตามต่อไปนะครับ..!!!

views