8 เช็คลิสต์โทโฮคุใบไม้เปลี่ยนสีที่ควรไปก่อนตาย
ใบไม้เปลี่ยนสี (Koyo) หรือ Momijigari เป็นวัฒนธรรมที่สามารถเพลิดเพลินกับการชมใบไม้เปลี่ยนสีในฤดูใบไม้ร่วง คล้ายกับการชมซากุระที่เห็นดอกซากุระในฤดูใบไม้ผลิ นอกจากนี้ยังเป็นเวลาที่เหมาะที่สุดในการเพลิดเพลินกับกิจกรรมกลางแจ้ง เป็นฤดูกาลที่เหมาะสำหรับการปีนเขาและเดินป่า และเป็นโอกาสที่จะได้ตื่นตาตื่นใจไปกับทิวทัศน์ของฤดูใบไม้ร่วงที่มีสีสันสดใส
ภูมิภาคโทโฮคุร่ำรวยด้วยสถานที่ท่องเที่ยวที่เป็นหมุดหมายปลายทางที่น่าหลงใหลมากมาย และขอแนะนำอาหารรสชาติเด่นประจำฤดูกาลที่มีเอกลักษณ์เฉพาะในฤดูใบไม้ร่วงเท่านั้น การได้ลิ้มลองอาหารที่มีส่วนผสมตามฤดูกาลของท้องถิ่นจึงเป็นส่วนที่ดีที่สุดอย่างแท้จริงสำหรับการเดินทาง ขอเชิญเพลิดเพลินไปกับใบไม้เปลี่ยนสีที่มีสีสันงดงามและตระการตาด้วยการเปิดประสบการณ์ผ่านประสาทสัมผัสทั้งหมดที่มี กับ “8 เช็คลิสต์โทโฮคุใบไม้เปลี่ยนสีที่ควรไปก่อนตาย”
ทรงพลังที่สุดของญี่ปุ่น! ไปดูต้นแปะก๊วยสีเหลืองอร่ามสวยที่คิตะ คะเนะกะซะวะกันเถอะ
(Kita-Kanegasawa A Giant of Ginkgo)
ต้นแปะก๊วยขนาดใหญ่ในเมืองคิตะคะเนะกะซะวะ (Kita-Kanegasawa) ในจังหวัดอาโอโมริ ภูมิภาคโทโฮคุ มีอายุประมาณ 1,000 ปี และเป็นที่รู้จักในฐานะต้นแปะก๊วยที่ดีที่สุดในญี่ปุ่น ด้วยเส้นรอบวงลำต้นขนาด 22 เมตร และความสูงถึง 31 เมตร ถ้าเทียบกับตึกที่สูงชั้นละประมาณ 3 เมตร เจ้าต้นนี้ก็สูงราวตึก 10 ชั้นเลยทีเดียว ความสูงนี้ถูกจัดเป็นอันดับที่สี่ในญี่ปุ่น และยังได้รับการรับรองให้เป็นอนุสรณ์สถานทางธรรมชาติแห่งชาติอีกด้วย
ในช่วงกลางเดือนพฤศจิกายนซึ่งเป็นฤดูใบไม้ร่วงนั้น ต้นแปะก๊วยขนาดใหญ่เริ่มเปลี่ยนเป็นสีเหลืองและกลายเป็นใบสีทองเต็มต้นในที่สุด ผู้คนมากมายเดินทางมาที่นี่เพื่อเสริมพลังจากความมีชื่อเสียงในฐานะต้นไม้ที่ศักดิ์สิทธ์มาก กล่าวกันว่าถ้าได้สัมผัสรากอากาศที่ห้อยลงมาจากลำต้นคล้ายเต้านมก็จะทำคุณแม่คลอดบุตรใหม่มีน้ำนมออกมามากขึ้น แนะนำว่าไม่ควรพลาดชมทั้งกลางวันและกลางคืนซึ่งจะสร้างความประทับใจที่แตกต่างกันทั้งสองบรรยากาศ
อย่างไรก็ตามปัจจุบันมีการสร้างรั้วรอบลำต้นเพื่อการป้องกัน จึงไม่สามารถสัมผัสต้นแปะก๊วยขนาดใหญ่ได้โดยตรง
• ช่วงชมใบไม้เปลี่ยนสี : กลางเดือนพฤศจิกายน
• จุดชมใบไม้เปลี่ยนสีที่แนะนำ : กลางวัน และกลางคืน (ไลท์อัพมีกำหนดเวลา)
การเดินทาง
สถานี Shin-Aomori โดยสารรถไฟ JR Ou Line ลงสถานี Kawabe ใช้เวลา 32 นาที แล้วเปลี่ยนเป็นรถไฟ JR Gono Line ลงสถานี Kitakanegasawa ใช้เวลา 1 ชั่วโมง 30 นาที เดินต่ออีก 10 นาที
เวลาทำการ
เปิดตลอด 24 ชม.
ข้อมูลเพิ่มเติม โปรดคลิก
www.en-aomori.com/20201027_autumn.html
เครดิตรูปภาพประกอบ : การท่องเที่ยวเมืองฟุคาอุระ
ไปชมมรดกโลกทางวัฒนธรรมของ UNESCO ที่วัดคังซังชูซนจิ
(Kanzan Chusonji Temple)
วัดชูซนจิเป็นหนึ่งในห้าของมรดกโลกตั้งอยู่ ณ แหล่งประวัติศาสตร์ฮิราอิซูมิในจังหวัดอิวาเตะภูมิภาคโทโฮคุ ซึ่งควรค่าแก่การไปชมในช่วงฤดูใบไม้เปลี่ยนสีอย่างยิ่ง ด้วยบรรยากาศที่เคร่งขรึมและทิวทัศน์ระหว่างทางเดินสู่อาคารแต่ละหลังที่ปลูกสร้างด้วยศิลปะดั้งเดิมรายล้อมไปด้วยใบไม้เปลี่ยนสี
ฮิราอิซูมิเป็นแหล่งสำคัญทางประวัติศาสตร์ที่สร้างขึ้นในศตวรรษที่ 11 – 12 เพื่อให้เป็นสถานที่อันสงบสุขอย่างในโลกอุดมคติตามแนวคิดของพระพุทธศาสนา วัดและโบราณสถานหลายแห่งในสมัยนั้นซึ่งเป็นศูนย์กลางการปกครองและเศรษฐกิจยังคงเหลือให้เห็นอยู่ได้แก่วัดคังซังชูซนจิ วัดโมสึจิ ร่องรอยคันจิไซโออิน ร่องรอยมุเรียวโคอิน และภูเขาศักดิ์สิทธิ์ Kinkeizan ทั้ง 5 แห่งนี้ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกของ UNESCO ในเดือนมิถุนายน พ.ศ. 2554 ภายใต้ชื่อ “สวนและแหล่งโบราณคดีฮิราอิซูมิดินแดนบริสุทธิ์ตามอุดมคติของศาสนาพุทธ” ซึ่งสามในสี่แห่งมุ่งเน้นไปที่ภูเขาศักดิ์สิทธิ์ Kinkeizan แสดงให้เห็นแนวคิดดินแดนสุขาวดีที่เป็นจุดหมายอันเงียบสงบอยู่ทางตะวันตกอันไกลโพ้นด้วยการออกแบบให้สัมผัสได้ถึงประสบการณ์นี้
Konjikido หรือ Golden Hall โถงทองคำสื่อถึงรูปลักษณ์ในช่วงที่สร้างขึ้นในปี พ.ศ. 1667 มีชื่อเสียงที่สุดในวัดชูซนจิและได้รับการตกแต่งอย่างยอดเยี่ยมด้วยทองคำและเงินจำนวนมาก เป็นอาคารที่ทรงคุณค่าที่ถ่ายทอดรูปลักษณ์ดั้งเดิม และมีผู้เข้าเยี่ยมชมจากทั่วทุกมุมโลกต่อเนื่องสม่ำเสมอ และห้องโถง Amidado Hall ซึ่งตกแต่งงดงามด้วยทองคำเปลวทั้งด้านในและด้านนอกของโถง เปลือกหอย Yako-Gai สีขาวที่ใช้เทคนิคตกแต่งแบบญี่ปุ่นเรียกว่า Raden ซึ่งเป็นงานฝีมือแบบดั้งเดิมนั้นส่องแสงแวววาว และโลหะแกะสลัก เป็นห้องโถงสีทองที่งดงามซึ่งผสมผสานงานแล็กเกอร์และเทคนิคงานฝีมือจากสมัยเฮอันตอนปลาย เป็นศิลปะและงานฝีมืออันทรงคุณค่า
วัดชูซนจิยังคงเป็นขุมสมบัติของศิลปะพุทธเฮอัน ซึ่งมีสมบัติของชาติและทรัพย์สินทางวัฒนธรรมที่สำคัญมากกว่า 3,000 รายการจัดแสดงอยู่ในอาคารพิพิธภัณฑ์ซังโคโซอีกด้วย
• ช่วงชมใบไม้เปลี่ยนสี : ปลายเดือนตุลาคม – ต้นเดือนพฤศจิกายน
• จุดชมใบไม้เปลี่ยนสีที่แนะนำ : กลางวัน และกลางคืน (ไลท์อัพมีกำหนดเวลา)
การเดินทาง
จากสถานีรถไฟ JR Hiraizumi Station เดินประมาณ 25 นาที นั่งรถแท็กซี่ประมาณ 10 นาที หรือนั่งรถบัส Hiraizumi Loop Bus ประมาณ 10 นาที
เวลาทำการ
เปิดทุกวัน 08.30 – 17.00 น. (วันที่ 4 พฤศจิกายน – สิ้นเดือนกุมภาพันธ์ ปิดเวลา 16.30 น.)
ค่าเข้าชม
ผู้ใหญ่ 800 เยน
ห้ามถ่ายภาพที่ Konjikido และ พิพิธภัณฑ์ซังโคโซ
ข้อมูลเพิ่มเติม โปรดคลิก
www.chusonji.or.jp/language_th/index.html
หุบเขาแห่งใบไม้หลากสีสลัวลางในไอน้ำจากยุคเอโดะถึงวันนี้ที่โอยาสุเกียวออนเซ็น
(Oyasukyo Onsen)
หุบเขาโอยาสุ (Oyasukyo) แหล่งน้ำพุร้อนตามธรรมชาติในโตรกเขาอยู่ที่เมืองยูซาวะ (Yusawa) ในจังหวัดอาคิตะ หุบเขาแห่งนี้ตั้งอยู่ด้านหลังของเมืองทางตอนใต้สุดของจังหวัด มีประวัติศาสตร์มายาวนานในฐานะบ่อน้ำพุร้อนบำบัดตั้งแต่
สมัยเอโดะ และว่ากันว่ามีการพบนกกระเรียนที่บาดเจ็บมารักษาบาดแผลด้วยน้ำพุร้อนที่นี่
กิจกรรมที่น่าสนใจคือทางเดินเล่นที่ลงบันไดในหุบเขาลึกแล้วได้พบกับไอน้ำที่พุ่งออกจากแหล่งกำเนิดมีความร้อนสูง 95 องศาเซลเซียส และถ้าเดินต่อไปอีกก็จะพบกับบ่อน้ำพุร้อนธรรมชาติที่ผุดขึ้นมาบริเวณโขดหินที่ถูกกัดเซาะโดยแม่น้ำ
มินาเสะ ทางเดินและทัศนียภาพอันทรงพลังถูกรักษาให้คงไว้ได้อย่างน่าอัศจรรย์ ควันสีขาวพุ่งออกจากรอยแยกของหน้าผาและมีต้นไม้ล้อมรอบนั้นสวยงามเป็นที่รู้จักในฐานะจุดชมวิวที่สวยที่สุดในหุบเขาโอยาสุ
บนสะพานคะวะระยุที่เป็นสะพานโค้งสีแดงเมื่อขึ้นไปยืนบนนั้นจะได้เห็นน้ำพุขนาดใหญ่สูงถึง 60 เมตรจากหุบเขาโอยาสุชัดเจนโดยไม่มีอะไรมาขวางสายตา ส่วน Oyasukyo Onsenkyo ที่มีอ่างแช่เท้าและห้องอาบน้ำสาธารณะซึ่งก็เป็นจุดยอดนิยมเช่นกัน หุบเขาโอยาสุแห่งนี้จะกลายเป็นหุบเขาที่มีใบไม้สีเหลืองและสีแดงเข้มซึ่งประกอบไปด้วยทิวทัศน์ธรรมชาติของไอน้ำสีขาวและน้ำพุขนาดใหญ่ที่ได้สร้างความแตกต่างอย่างมีสีสันให้กับผู้มาเยือนโดยเฉพาะอย่างยิ่งในฤดูใบไม้ร่วงอย่างแน่นอน
• ช่วงชมใบไม้เปลี่ยนสี : กลางเดือนตุลาคมถึงต้นเดือนพฤศจิกายน
• จุดชมใบไม้เปลี่ยนสีที่แนะนำ : ใบไม้เปลี่ยนสีที่เห็นได้จากสะพานสีแดงคะวะระยุ (Kawarayu Bridge) และไอน้ำจาก
น้ำพุร้อน
การเดินทาง
นั่งรถไฟสาย JR Ouu Main Line แล้วลงที่สถานี Yuzawa จากนั้นนั่งรถบัสต่ออีกประมาณ 60 นาที
หรือใช้ถนนหลวงหมายเลข 398 จาก Yuzawa IC ของทางด่วน Yuzawa-Yokote ประมาณ 40 นาที
เวลาทำการ
เปิดทุกวัน
ข้อมูลเพิ่มเติม โปรดคลิก
https://stayakita.com/things-to-do/things-to-do-271
ปลายทางคดเคี้ยวบนเขาสูงสีสันเหลืองส้มแดงมีทะเลสาบปากปล่องภูเขาไฟ 5 สีโอคามะ
(Okama Crater)
บนปากปล่องภูเขาไฟซาโอะ (Mount Zao) มีทะเลสาบโบราณชื่อโอคามะ (Okama Crater) ที่มีความลึกถึง 27 เมตร และมีเส้นผ่านศูนย์กลาง 330 เมตรทีเดียว ที่ตั้งของภูเขาไฟซาโอะอยู่บริเวณรอยต่อของจังหวัดมิยางิและยามากาตะ จึงทำให้สามารถเลือกเดินทางได้หลายเส้นทาง น้ำในทะเลสาบเป็นสีมรกต แต่จะเปลี่ยนไปตามอุณหภูมิและแสงแดด ซึ่งเรียกอีกอย่างว่า โกชิกิโกะ ส่วนที่ชื่อโอคามะก็เรียกตามลักษณะที่คล้ายหม้อใส่น้ำ ที่นี่เป็นสถานที่ยอดนิยมในจังหวัดมิยางิ
สำหรับฤดูใบไม้เปลี่ยนสีแล้ว การเลือกเส้นทาง Zao Echo Line ที่เชื่อมระหว่างมิยางิและยามากาตะ เป็นจุดชมใบไม้เปลี่ยนสีที่มีชื่อเสียง สามารถเพลิดเพลินกับทัศนียภาพของใบไม้เปลี่ยนสีได้ตั้งแต่เชิงเขาไปจนถึงยอดเขาซาโอะเลยทีเดียว และระหว่างทางยังมีจุดชมวิวยอดนิยมที่เป็นน้ำตกสองแห่งคือ Sankai Fall และ Fuki Fall อีกด้วย ทิวทัศน์ของพื้นผิวหินภูเขาไฟขรุขระบนยอดภูเขานั้นจะถูกปกคลุมด้วยพุ่มไม้ที่มีสีสันของฤดูใบไม้ร่วง ซึ่งเป็นภาพที่ตระการตาและเป็นเอกลักษณ์เฉพาะของภูเขาไฟซาโอะเท่านั้น
• ช่วงชมใบไม้เปลี่ยนสี : ต้นเดือน – กลางเดือนตุลาคม
• จุดชมใบไม้เปลี่ยนสีที่แนะนำ : เส้นทางคดเคี้ยว Zao Echo Line และทะเลสาบภูเขาไฟ
การเดินทาง
รถยนต์ส่วนตัวใช้เวลาประมาณ 30 นาทีจากทางด่วน Tohoku Expressway Shiroishi IC ไปยัง Otorii ที่ทางเข้า Zao Echo Line และประมาณ 40 นาทีโดยรถยนต์จาก Otorii ไปยัง Okama บน Zao Echo Line / Zao High Line
รถบัสบริการจาก Yamagata Station ไปยังจุดจอดรถประมาณ 40 นาที แล้วเดินต่ออีก 10 นาที
เวลาทำการ
วันหยุด Zao Echo Line ปิดในฤดูหนาวช่วงต้นเดือนพฤศจิกายน – ปลายเดือนเมษายน
ข้อมูลเพิ่มเติม โปรดคลิก
https://miyagizao-navi.jp/th/detail/detail_2768
สนุกกับใบไม้หลากสี หินรูปทรงแปลกตา
ศาสนวิหารบนหน้าผาลอยในอากาศที่วัดบนภูเขา (Yamadera Temple)
ยามะเดระเป็นวัดในนิกายเทนไดตั้งอยู่ทางตะวันออกเฉียงเหนือของจังหวัดยามากาตะสร้างขึ้นในปี พ.ศ. 1403 เป็นวัดประวัติศาสตร์ที่มีความเป็นมายาวนานกว่า 1,000 ปี และมีชื่ออย่างเป็นทางการว่า Hojyusan Risshakuji แต่ถูกเรียกว่า
วัดยามาเดระเนื่องจากเป็นวัดที่ตั้งอยู่บนเนินลาดของภูเขาลักษณะเหมือนการเกาะติดกับภูเขา เป็นสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมของยามากาตะซึ่งมีนักท่องเที่ยวมาเยือนจากทุกมุมโลกไม่เพียงแต่จากญี่ปุ่นเท่านั้น เนื่องจากธรรมชาติที่อุดมสมบูรณ์โดยรอบและอาคารสีแดงที่ลอยอยู่ในอากาศนั้นก็สวยงามด้วยการอนุรักษ์ทัศนียภาพเก่าแก่ให้คงอยู่ไว้อย่างดี
การเดินขึ้นไปถึงวัดใช้เวลาประมาณ 30 นาที ทุกๆ ขั้นบันไดหินที่ปีนขึ้นไปจำนวน 1,015 ขั้นซึ่งทอดยาวจากทางขึ้นเขาเบื้องล่างไปยังยอดเขาสามารถขจัดความกังวลให้หายไปได้ และกล่าวกันว่าเป็นวัดแห่ง “การตัดโชคที่ไม่ดี” คือตัดโชคไม่ดีออกไปและเชื่อมโยงให้โชคที่ดีติดเข้าด้วยกัน
ทิวทัศน์อันตระการตาจากจุดชมวิวโกไดโดที่เป็นศาลาไม้สร้างยื่นออกไปจากหน้าผาใกล้กับยอดเขานั้นงดงามมาก วิวหุบเขาที่มีบ้านเรือนหลังเล็กหลังน้อยด้านล่างถูกขนาบด้วยภูเขาสีสดใสจากใบไม้เปลี่ยนสีที่ทอดสลับเรียงรายลดหลั่นเหมือนถูกมนต์สะกด ทำให้หายเหนื่อยจากการขึ้นบันไดกว่าพันขั้นไปเลยทีเดียว ที่นี่ยังมีชื่อเสียงว่าเป็นสถานที่ถ่ายทำภาพยนตร์และโฆษณาอีกด้วย จึงกลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่ได้รับความสนใจมากขึ้นกว่าเดิม ระหว่างทางเดินก็มีสถานที่ท่องเที่ยวมากมาย เช่น พระจิโสะโพธิสัตว์และจุดชมวิวที่มีทัศนียภาพงดงามตระการตา นอกจากนี้วัดยามาเดระยังมีชื่อเสียงเกี่ยวกับนักกวี
แต่งกลอนไฮกุชื่อดังชาวญี่ปุ่นคือ มัตสึโอะ บะโช ซึ่งเดินทางมาที่นี่และเขียนไฮกุไว้โดยมีศิลาจารึกสลักบทกวีและรูปปั้นตั้งไว้ด้วย
อย่าลืมชมโบสถ์เนโมโตะชูโดที่เป็นอาคารไม้เก่าแก่ที่สุดในญี่ปุ่นทำจากไม้ต้นบีชและเป็นทรัพย์สินทางวัฒนธรรมที่สำคัญของญี่ปุ่นด้วย ภายในมีดวงประทีปอมตะส่องแสงซึ่งได้รับการดูแลไม่ให้ดับเป็นเวลานานกว่า 1,200 ปีแล้ว ขอแนะนำว่าในช่วงฤดูใบไม้ร่วงสามารถเห็นทิวทัศน์ของวัดและใบไม้เปลี่ยนสีที่กระจายอยู่บนหน้าผาได้จากสถานีรถไฟยามะเดระ รับรองความตื่นเต้นตั้งแต่แรกเห็นก่อนที่จะปีนขึ้นไปแน่นอน
• ช่วงชมใบไม้เปลี่ยนสี : ปลายเดือนตุลาคมถึงต้นเดือนพฤศจิกายน
• จุดชมใบไม้เปลี่ยนสีที่แนะนำ : Godaido Hall ที่ลอยอยู่บนท้องฟ้ากับใบไม้หลากสี
การเดินทาง
จากสถานี JR Yamadera เดินต่อประมาณ 10 นาที
เวลาทำการ
08.00 – 17.00 น.
ค่าบริการ
ผู้ใหญ่ 300 เยน
ข้อมูลเพิ่มเติม โปรดคลิก
www.yamaderakankou.com/index.html
พรมแดงเข้มธรรมชาติสรรค์สร้างที่ศาลเจ้าฮานิสึ
(Hanitsu Shrine)
หากชื่นชอบประวัติศาสตร์จะหลงใหลเสน่ห์ของศาลเจ้าฮานิสึในจังหวัดฟุกุชิมะอย่างแน่นอน ศาลเจ้าแห่งนี้สร้างอุทิศให้กับ Masayuki Hoshina ผู้ปกครองคนแรกแห่ง Mutsu Aizu ซึ่งเป็นหลานชายของ Ieyasu Tokugawa
Masayuki Hoshina มีชีวิตที่ไม่มีความสุขจวบจนเข้าสู่วัยหนุ่มเนื่องจากเขาเป็นเพียงลูกภรรยาน้อย แต่เขากลับได้รับการยกย่องว่าเป็น “God of Chrildren and Success” เนื่องจากความพยายามของเขาในการให้การศึกษาแก่เด็กๆ ลูกหลานแห่ง Mutsu Aizu และเขายังได้สร้างและดูแลอาณาจักร Tokugawa ให้เจริญก้าวหน้ารุ่งเรืองอยู่สืบต่อมายาวนานถึง 265 ปี
นอกจากนี้เสาหินที่อยู่ในศาลเจ้าซึ่งตั้งอยู่บนหินขนาดใหญ่ที่มีรูปร่างเหมือนเต่าถือเป็น Hanitsu Spirit ชื่อว่า Hiiki ซึ่งกล่าวกันว่าจะนำโชคลาภมาในรูปของเงินและความมั่งคั่ง และแบกของหนักได้ดีซึ่งอาจหมายถึงช่วยแบกรับความหนักใจหรือไม่สบายใจไว้ให้ได้
เมื่อใบไม้เปลี่ยนสี ใบเมเปิ้ลสีแดงจะปกคลุมทั่วบริเวณทางเดินในศาลเจ้าเหมือนพรมตามทางเดิน ราวกับว่ากำลังเดินอยู่บนพรมแดง ส่วนในฤดูใบไม้ผลิ ดอกซากุระเช่น Kasumi-zakura, Someiyoshino และ Edohigan จะบานสะพรั่งจนอยากมาชมทิวทัศน์ในทุกฤดูกาลทีเดียว
• ช่วงชมใบไม้เปลี่ยนสี : ปลายเดือนตุลาคม – ต้นเดือนพฤศจิกายน
• จุดชมใบไม้เปลี่ยนสีที่แนะนำ : กลางวัน และกลางคืน (ไลท์อัพมีกำหนดเวลา)
การเดินทาง
จากสถานี JR Inawashiro Station สาย Ban-etsu West Line โดยสารรถแท็กซี่ประมาณ 5 นาที
เวลาทำการ
09.00 – 17.00 น.
ข้อมูลเพิ่มเติม โปรดคลิก
https://welovefukushima.com/sightseeing/ศาลเจ้าฮานิสึ
หลงเสน่ห์สวนยาฮิโกะและเมเปิ้ลวัลเล่ย์
(Yahiko Park)
เคยถูกสะกดจิตด้วยทัศนียภาพที่สวยงามกันบ้างไหม? ถ้าต้องการสัมผัสประสบการณ์นี้ ขอเชิญมาที่สวนยาฮิโกะ (Yahiko Park) ในจังหวัดนีกาตะที่ซึ่งคว้าใจใครหลายคนเอาไว้ได้ สวนแห่งนี้ขึ้นชื่อเรื่องใบไม้เปลี่ยนสีอย่างยิ่งจนมีอีกชื่อว่า Maple Valley นอกจากเมเปิ้ลสีสวยแดงสดแล้วยังมีองค์ประกอบอื่นเช่นสะพานสีแดงและอุโมงค์ ลำธารบนภูเขา น้ำตกสวยงาม และศาลเจ้ายาฮิโกะอันเก่าแก่ ครบองค์ประกอบญี่ปุ่นเลยทีเดียว
สวนยาฮิโกะตั้งอยู่ที่เมืองออนเซ็นเล็กๆ ชื่อยาฮิโกะ การเดินทางนั้นก็สะดวกมาก เดินเพียง 1 นาทีจากสถานีรถไฟก็ถึงแล้ว
ที่แห่งนี้เป็นหนึ่งในสถานที่ที่มีชื่อเสียงที่สุดในการล่าใบไม้แดงของจังหวัดนีกาตะด้วยพื้นที่กว้างใหญ่ประมาณ 160,000 ตารางเมตร ถ้ายังไม่อิ่มเอมใจในตอนกลางวัน การแสดงไลท์อัพในตอนกลางคืนยิ่งตื่นตาตื่นใจมากขึ้นอีกทีเดียว การรวมตัวกันของสะพาน Kangetsukyo สีแดงและใบไม้เปลี่ยนสีเป็นทัศนียภาพที่ยอดเยี่ยม และยิ่งสว่างไสวขึ้นในตอนกลางคืน อีกทั้งสระน้ำที่ลึกลับน่าหลงใหลก็เต็มไปด้วยใบไม้หลากสีของฤดูใบไม้ร่วงที่ดูเหมือนจะทำให้หลุดเข้าไปสู่อีกโลกหนึ่ง
นอกจากนี้ ยังมีงานเอ็กซ์ฮิบิชั่นดอกเบญจมาศซึ่งเป็นที่รวมตัวของเจ้าของสวนและดอกเบญจมาศจำนวนมากมายจากทั่วประเทศญี่ปุ่นซึ่งถือว่าเป็นงานใหญ่งานหนึ่งเลยทีเดียว นอกจากงานเฉลิมฉลองฤดูใบไม้ร่วงแล้วก็ยังมีดอกเบญจมาศที่สวยและสง่างามให้ได้ชมกันซึ่งมีเฉพาะในช่วงเวลานี้เท่านั้น
• ช่วงชมใบไม้เปลี่ยนสี : ปลายเดือนตุลาคม – ต้นเดือนพฤศจิกายน
• จุดชมใบไม้เปลี่ยนสีที่แนะนำ : กลางวัน และกลางคืน (ไลท์อัพมีกำหนดเวลา)
การเดินทาง
เดิน 1 นาทีจากสถานที JR Yahiko Station
เวลาทำการ
ช่วงไลท์อัพ เวลา 17.00 น.-21.30 น.
ข้อมูลเพิ่มเติม โปรดคลิก
https://enjoyniigata.com/en/spot/7482
วัฒนธรรมดาเตะและใบไม้เปลี่ยนสีในสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ของขุนพลชื่อดัง
(Zuihoden – Sendai)
ซุยโฮเด็น (Zuihoden) เป็นสุสานของมาซามุเนะ ดาเตะ ขุนพลชื่อดังที่รู้จักกันในชื่อ Dokuganryu ผู้ปกครองคนแรกของ
เซนได และเป็นสถานที่ยอดนิยมสำหรับการชมใบไม้เปลี่ยนสีในเซนไดตอนปลายเดือนพฤศจิกายน
ซุยโฮเด็นเป็นอาคารสถาปัตยกรรมสไตล์โมโมยามะอันโอ่อ่าที่ตกแต่งด้วยสีแดง เขียว และเหลืองในพื้นหลังมีเป็นสีดำสนิท และยังได้ตื่นตาตื่นใจกับโลกแห่งความอัศจรรย์ของความแตกต่างระหว่างความเขียวขจีของดงไผ่กับสีของใบเมเปิ้ลที่มีทั้งสีแดง สีส้ม และสีเหลือง ในช่วงพีคของฤดูใบไม้ร่วงจะมีการจัดไฟประดับที่ชื่อว่า โมมิจิ เมกุริ (Momiji Meguri) และในช่วงเวลานี้จะมี Date Busyoutai (ผู้บัญชาการทหาร) มาร่วมด้วย จึงรู้สึกเหมือนได้กลับมาอยู่ในช่วงยุคสงคราม
ทำไมไม่ลองนั่งรถบัส Rupuru Sendai ซึ่งให้บริการเดินทางแบบไม่จำกัดรอบสถานที่ท่องเที่ยวของเซนไดในหนึ่งวัน และไปเยี่ยมชมซุยโฮเด็นที่มีใบไม้เปลี่ยนสีสวยงามประทับใจกันล่ะ
• ช่วงชมใบไม้เปลี่ยนสี : ปลายเดือนพฤศจิกายน
• จุดชมใบไม้เปลี่ยนสีที่แนะนำ : อาคารสถาปัตยกรรมสไตล์โมโมยามะซุยโฮเด็นและทางเดินโดยรอบ
การเดินทาง
ป้ายรถเมล์ JR Sendai Station West Exit Bus Terminal รอรถบัสที่หมายเลข 16 เพื่อโดยสารรถบัส Rupuru Sendai ใช้เวลา 13 นาที ลงที่ป้ายรถเมล์ Zuihoden-mae เดินต่อ 5 นาที
เวลาทำการ
09.00 – 16.50 น. เดือน 1 กุมภาพันธ์ – 30 พฤศจิกายน (เวลาเข้าชมรอบสุดท้าย 16.30 น.)
วันหยุด 31 ธันวาคม
ค่าบริการ
ผู้ใหญ่ 570 เยน แสดงบัตรโดยสาร Rupuru Sendai มีส่วนลด
ข้อมูลเพิ่มเติม โปรดคลิก
www.zuihoden.com/th
อ่าน “ทริปตามล่าใบไม้แดงที่โทโฮคุ (Tohoku) ตอนที่ 1” คลิก
อ่าน “โทโฮคุ (Tohoku) 4 ฤดู” คลิก