เอริโกะ รับจ้างร้อง
-น้ำตาจะเยียวยาจิตใจเราเอง-
*บทความนี้เปิดเผยรายละเอียดและตอนจบของเรื่อง
*ลายเส้นของ まつおか たかこ tacaco matsuoka
แค่เห็นใบปิดหนังก็หลงรักในความหม่นเศร้าแล้ว ยิ่งพออ่านเรื่องย่อก็รู้เลยคอหนังดราม่าอย่าได้พลาดเรื่องนี้ สำหรับเรื่อง เอริโกะ รับจ้างร้อง (見栄を張る) นี้เล่าเรื่องชีวิตของหญิงสาวชื่อเอริโกะ ผู้จากบ้านเกิดที่จ.วากายาม่า มาตาม หาฝันที่จะเป็นนักแสดงอยู่ที่กรุงโตเกียว ความน่ารักสดใสทำให้เธอไปออดิชั่นโฆษณา Rabbit Beer ผ่านทำให้เธอมีผลงานโฆษณาที่ถูกเผยแพร่ไปทั่วประเทศญี่ปุ่น และทำให้ยูกิโกะพี่สาว ได้เห็นผลงานการแสดงตามฝันของเธอ
เวลาผ่านไปหลังจากโฆษณานี้ ก็ไม่มีผลงานของเอริโกะที่ออดิชั่นผ่านอีกเลย แม้กระทั่งบทร้องไห้ เอริโกะก็ยังไม่สามารถถ่ายทอดความเศร้าออกมาได้โดนใจผู้กำกับ เธอทำงานในร้านคาเฟ่แห่งหนึ่ง และใช้ชีวิตอยู่กับยากิโซบะ ที่ใส่ขิงบดเยอะๆ ซึ่งเป็นเมนูยากิโซบะสำเร็จรูปที่แฟนของเธอและเพื่อนซี้ต่างเห็นตรงกันว่า เอริโกะทำออกมาได้อร่อยที่สุด
.
จวบจนวันหนึ่งยูกิโกะโทรหาน้องสาวเรื่องส้มหวานๆ ที่ส่งให้จากบ้านเกิด ซึ่งเอริโกะเองไม่อยากกิน (เพราะแอนตี้ทุกอย่างที่บ้าน) รวมทั้งการชวนให้กลับไปใช้ชีวิตเรียบง่ายอยู่ที่บ้านเกิด ไม่ต้องต่อสู้ดิ้นรนแข่งขันกับคนอื่นอยู่ในเมืองใหญ่ แน่นอนว่าเอริโกะปฏิเสธความหวังดีของพี่สาวของเธอในวันนั้น
วันต่อมาเธอก็ได้รับข่าวร้ายว่ายูกิโกะประสบอุบัติเหตุจนเสียชีวิต ทิ้งลูกชายชื่อคะซึมะคุงไว้ ความสับสน เสียใจ ที่เอริโกะพบเจอครั้งนี้ ทำให้เธอตัดสินใจเดินทางกลับบ้านเกิดที่จ.วากายาม่า อย่างปฏิเสธไม่ได้ และการกลับมาครั้งนี้ก็ทำให้เธอได้พบเหล่าญาติ รวมทั้งคะซึมะคุงหลานชาย ที่พี่สาวของเธอเป็นแม่เลี้ยงเดี่ยว เลี้ยงดูอย่างดีมาตลอดทั้งที่ไม่มีสามีคอยดูแลอีกคน และการกลับบ้านเกิดของเธอในครั้งนี้เองก็ทำให้เอริโกะได้พบหลากหลายแง่มุมที่เคยหล่นหายไปในชีวิต
.
ทุ่งนาสีเหลืองทอง ที่บ้านเกิด เจอกับแฟนเก่าที่เคยรักกันมาก่อน ปัจจุบันแต่งงานและมีครอบครัวไปแล้ว การได้อัพเดทชีวิตกัน มองผืนน้ำสะท้อนแสงอาทิตย์ยามอัสดงด้วยกัน ก็ถือเป็นการต้อนรับกลับบ้านที่อบอุ่น และเติมเต็มหัวใจที่ว่างเปล่าของเธอได้ไม่น้อยเลย
เมื่อพิธีศพผ่านไป การได้กลับมาใช้ชีวิตอยู่ในบ้านเกิดร่วมกับญาติพี่น้องคนอื่นๆ รวมทั้งการได้มาอยู่ในห้องนอนของพี่สาว ได้เห็นเครื่องประดับ เสื้อผ้าสำหรับทำงานในตู้ ของสะสมอาทิ กระป๋องเบียร์ที่เป็นลวดลายที่เอริโกะเป็นพรีเซนเตอร์ หรือแม้กระทั่งโฆษณาที่มีเอริโกะในนั้น พี่สาวของเธอก็ทำการบันทึกเก็บไว้ในซีดีเป็นอย่างดี แต่ทว่าเธอมีความสงสัย ว่าทำไมบนโต๊ะเครื่องแป้งต้องมีขวดบรรจุเกลือป่น หรือในตู้เสื้อผ้าที่มีแต่ชุดกระโปรงสุภาพสีดำ
และความสงสัยนั้นคลี่คลายเมื่อเพื่อนร่วมงานของพี่สาวได้รวบรวมสิ่งของ ของยูกิโกะจากที่ทำงานมาไว้ที่บ้าน เธอได้พบข้อมูลสมุดบัญชีที่มีผู้ชายคนหนึ่งฝากเงินไว้ให้คะซึมะคุงเป็นทุนการศึกษาทุกเดือน รวมทั้งอาชีพที่พี่สาวเธอทำ นั่นคือ อาชีพรับจ้างร้องไห้ในงานศพ
.
อาชีพนี้คือสิ่งแปลกใหม่สำหรับเอริโกะ และเธอไม่เคยรู้มาก่อนว่าพี่สาวเธอเป็นคนรับจ้างร้องไห้ในงานศพที่น่าศรัทธา และต้องถ่ายทอดน้ำตาออกมาจากจิตวิญญาณในอาชีพ ที่มีต่อผู้วายชมน์
.
ระหว่างที่อาสาดูแลหลานชายต่อที่บ้านเกิด เอริโกะอยากลองสัมผัสอาชีพรับจ้างร้องไห้ของพี่สาวดู และเธอคิดว่า ความที่มีพื้นฐานนักแสดงมาจะทำให้เธอทำอาชีพนี้ได้อย่างไม่ลำบากมากนัก
.
จวบจนได้ลองทำดู สิ่งที่เอริโกะคิดว่าง่ายกลับยาก มันไม่ใช่แค่การร้องไห้ ในงานศพของคนที่เราไม่รู้จัก หรือสร้างบรรยากาศให้ดูเศร้าสร้อยมากขึ้น เพราะจริงๆ แล้วความสำคัญของอาชีพรับจ้างร้องไห้ในงานศพก็คือ การร่วมส่งดวงวิญญาณของผู้ตายไปสู่สุขติจากหัวใจของเราไปพร้อมกับญาติพี่น้องของผู้ตายด้วย ซึ่งระหว่างที่ทำงานนี้ เอริโกะเองก็ได้เรียนรู้อะไรมากมาย ทั้งหัวใจของงานที่พี่สาวตัวเองทำ และการแสดงความรู้สึกออกมาจากหัวใจของตัวเธอเองจริงๆ
ในขณะเดียวกันเอริโกะ ก็ได้ใช้ชีวิตอยู่กับหลานชาย มีกิจกรรมทำด้วยกัน ได้แวะไปหาพ่อของหลานและส่งข่าวคราวของพี่สาวเธอด้วย ซึ่งพ่อและครอบครัวใหม่แสดงเจตจำนงค์ที่จะรับเลี้ยงเขาต่อไป และคะซึมะคุง ก็ยินดีกับการเดินทางไปเริ่มต้นชีวิตใหม่กับพ่อในครั้งนี้
.
วันหนึ่งเอริโกะกลับมาเจอแฟนที่ตามมาถึงบ้านเกิด เขาเป็นคนไม่ได้เรื่องอะไร แต่ตั้งเป้าหมายจะเป็นนักแสดงตลกที่ไปออดิชั่นที่ไหนก็ยังไม่ผ่าน หยิบกระป๋องเบียร์ที่ระลึกลวดลายที่เอริโกะเป็นพรีเซนเตอร์ออกมาจากตู้เก็บของ ของพี่สาว และดื่มมันจนหมดเกลี้ยง ในเวลานั้นเองที่เรื่องราวมันบีบคั้นหัวใจของเอริโกะได้ชัดเจนเหลือเกิน และเธอก็ทำการไล่เขาออกไปจากชีวิตเธอตั้งแต่ตอนนั้นด้วย
ภาพสุดท้าย ที่ทุกคนมาส่งเธอที่สถานีรถไฟ เอริโกะตัดสินใจขึ้นรถไฟจากบ้านเกิดเพื่อกลับมาผจญภัย สวมบทบาทการแสดงที่เธอรักและมุ่งมั่นในเมืองใหญ่อย่างโตเกียวอีกครั้ง
.
ตอนจบผู้กำกับอยากให้คนดูได้คิดตามว่าเอริโกะกำลังรู้สึกอะไรอยู่ และเส้นทางที่เธอเลือก…น้ำตาจะนำทางเธอให้เดินต่อไปในทิศทางไหนของชีวิต
เอริโกะ รับจ้างร้อง (見栄を張る)
เป็นผลงานกำกับภาพยนตร์เรื่องยาวของผู้กำกับสาวหน้าใหม่ วัย 28 ปี ชื่อเอคิโยะ ฟูจิมูระ (Akiyo Fujimura) นอกจากกำกับภาพยนตร์แล้ว เธอยังลงมือเขียนบทเองด้วย หลังจากที่ผลงานของเธอไปเข้าตาของผู้กำกับคนดังอย่างโคเรเอดะ ฮิโรคาสึ ทำให้เธอได้รับเลือกให้เป็นหนึ่งในผู้กำกับโปรเจ็กต์ 10 Years Japan มาก่อน และสำหรับเรื่องเอริโกะรับจ้างร้องนี้ เป็นหนังยาวเรื่องแรกของเธอ และก่อนหน้านี้เธอมีผลงานการทำหนังสั้นไปแล้ว 3 เรื่องด้วยกัน
.
เธอเล่าว่าผู้กำกับที่มีอิทธิพลต่อเธอก็คือ โคเรเอดะ, ชุนจิ อิวาอิ, เทซึยะ นากาจิมา ที่มีอิทธิพลกับเธอตั้งแต่มัธยมต้นมาแล้ว และสำหรับเรื่องเอริโกะนี้ เธอมีความตั้งใจอยากจะสร้างหนังที่มีความแฟนตาซี แทรกอยู่ในเรื่องโดยเนื้อหาหลักๆ ก็คือการพูดถึงชีวิตและการเติบโตของผู้หญิงคนหนึ่ง เพราะย้อนกลับไปสมัยเรียนอยู่ชั้นม.ปลาย เธอมีโอกาสได้ดูรายการโทรทัศน์เกี่ยวกับอาชีพแปลกๆ ในญี่ปุ่น หนึ่งในนั้นมีอาชีพรับจ้างร้องไห้ด้วย แล้วเธอก็รู้สึกว่ามันมีเสน่ห์และน่าสนใจมาก จนคิดว่าสักวันอยากเล่าเรื่องราวเกี่ยวกับอาชีพนี้ผ่านหนังของเธอ
.
สำหรับอาชีพรับจ้างร้องนี้คือ อาชีพที่ที่นักแสดง(ผู้หญิง)รับจ้างร้องไห้ตามงานศพที่ไม่ค่อยมีแขกมาร่วมงาน คล้าย ๆ กับหน้าม้าที่รับจ้างร้องไห้ในงานศพ แต่พอลองศึกษาดูแล้ว จริง ๆ แล้วอาชีพรับจ้างร้อง เป็นอาชีพที่เคยมีอยู่จริง จนถึงประมาณ 65 ปีที่แล้ว ทำหน้าที่คล้าย ๆ กับพระ แต่อาชีพรับจ้างร้องไห้ใช้น้ำตาของตัวเองส่งดวงวิญญานของผู้ที่จากไปสู่สววรค์ พอทำออกมาแล้วก็มีคนบอกเธอว่าอาชีพแบบนี้ที่อิตาลีก็มี รวมทั้งที่เกาหลี จีน และหลายๆ ประเทศในเอเชียก็มีอาชีพนี้เช่นกัน
.
หนังเรื่องนี้อยู่ในโปรเจ็กต์ Co2 ซึ่งเป็นองค์กรอยู่ที่โอซาก้า จะให้งบประมาณสนับสนุนผู้กำกับหน้าใหม่ ฟูจิมูระก็เลยลองส่งเอริโกะไป แล้วได้รับเลือกด้วย เพียงแต่ว่าโปรเจ็กต์นี้มีโจทย์ว่าต้องใช้คันไซเป็นฉากของหนัง ช่วงที่หาโลเคชั่นแรกๆ ก็หารอบๆ โอซาก้า แต่เพราะโอซาก้าไม่ค่อยมีธรรมชาติมากนัก มีคนแนะนำให้ไปดูที่วากายาม่า พอได้ลองไป ก็รู้สึกว่าตรงกับที่ตัวเองต้องการ เลยเลือกวากายาม่าเป็นฉากในการถ่ายทำ
.
ซึ่งเป็นครั้งแรกที่ฟูจิมูระ ผู้กำกับเดินทางไปที่จ.วากายาม่าเช่นกัน เธอก็ได้พบว่าวากายาม่าสวยมาก มีภูเขาและติดกับทะเล อาหารที่นั่นก็อร่อย คนวากายาม่าก็ใจดี เป็นเมืองที่อบอุ่น และคนในพื้นที่ก็สนับสนุนตลอดการถ่ายทำ พอทำหนังเสร็จ ก็ได้ฉายเอริโกะที่วากายาม่า มีหลายคนเข้ามาขอบคุณที่ถ่ายทอดภาพวากายาม่าออกมาได้สวย ทำให้เขาได้เห็นวากายาม่าในมุมที่เขาไม่เคยเห็น และทำให้เขารู้สึกชอบบ้านเกิดของตัวเองมากกว่าเดิมไปอีก
ขอบคุณที่ถ่ายภาพ วากายาม่าออกมาสวยงาม
ทำให้ได้เห็นวากายาม่าในมุมที่เขาไม่เคยเห็นมาก่อน
และทำให้รู้สึกชอบบ้านเกิดของตัวเองมากกว่าเดิม
หนังถ่ายทำเสร็จตั้งแต่ปี 2016 แล้ว แต่เพิ่มได้เข้าโรงฉายในประเทศญี่ปุ่นช่วงต้นปีนี้เอง เพราะโรงหนังที่ญี่ปุ่นมีน้อยและมีตารางฉายเต็มทุกโรง กว่าจะได้เข้าโรงก็ใช้เวลาไปเกือบสองปี แล้วหนังของเราก็ไม่ใช่หนังใหญ่ ไม่มีนักแสดงที่มีชื่อเสียงอะไร จึงค่อนข้างยากมากๆ กว่าจะได้ฉาย แต่พอได้ฉายก็มีเสียงตอบรับดี หลายคนบอกว่าคุโบ (นักแสดงหลัก) สวยมาก ๆ ทำให้คนจำหนังได้เยอะ ทั้งที่ๆ คุโบเป็นนักแสดงหน้าใหม่ ซึ่งเธอรู้สึกดีใจที่มีคนจำหนังเรื่องนี้ได้
.
ส่วนพระเอกของเรื่อง ฟูจิมูระมีความตั้งใจให้แฟนเอริโกะมีอาชีพที่ต้องไล่ตามความฝัน แต่เป็นคนที่ไม่ค่อยเรื่องได้ราวสักเท่าไหร่ เลยคิดว่าให้เป็นตลกน่าจะดีกว่า อีกอย่างอาชีพตลกมีความขัดแย้งกับเอริโกะ เอริโกะเป็นคนที่ต้องร้องไห้แต่แฟนเป็นคนที่ต้องทำให้คนอื่นตลก เป็นคอนทราสต์ระหว่างการร้องไห้กับการหัวเราะเลย นอกจากนั้นการที่เอริโกะมีเมนูโปรดคือ ยากิโซบะใส่ขิงเยอะๆ นั้น เพราะตั้งใจเอริโกะมีคาร์แรคเตอร์ชอบกินอะไรบางอย่างเป็นพิเศษขึ้นมา สะท้อนความสำเร็จรูปหลายๆ อย่างในชีวิตได้เป็นอย่างดีทีเดียว
ตัวอย่างภาพยนยตร์
บทสัมภาษณ์บางส่วนจากเว็บไซต์ workpointnews.com
ข้อมูลเกี่ยวกับหนังเรื่องนี้
https://www.facebook.com/co2miewoharu/
http://miewoharu.com/