ครั้งแรก…กับความสัมพันธ์ระหว่างชายแปลกหน้าและความรู้สึกแรกของโรงแรมแคปซูล in Osaka (ตอน 1)
こんにちは (คนนิจิวะ) อ่ะนะ สวัสดีกันก่อน ทักทายเป็นภาษาญี่ปุ่นด้วย จริงๆ อันตัวเราเองนั้นพอจะมีความรู้ภาษาญี่ปุ่นอยู่สักหน่อย ว่าไปแล้ววันนี้เราขอเล่าประสบการณ์เกี่ยวกับการไปเที่ยวญี่ปุ่นครั้งแรกของเราหน่อยละกัน ช่วงที่ประเทศญี่ปุ่นยกเลิกวีซ่าให้คนไทยแรกๆ เราก็เกิดมีความคิดที่ว่า “เฮ้ย เอาวะ! อยากลองไปเที่ยวเมืองนอกคนเดียวสักครั้ง ญี่ปุ่นเนี่ยแหละโอเคสุด(เพราะพอพูดได้และตั๋วไม่แพงมาก)” ความคิดนี้เกิดขึ้นเพียงแค่ 2-3 วัน และหลังจากนั้นเราก็ได้ปรึกษากับแม่ด้วยเพียงประโยคที่ว่า
เรา : “แม่ ไปญี่ปุ่นดีมะ ตั๋วมันถูกอ่ะ น่าไป”
แม่ : “เรื่องของเอ็ง”
พอสิ้นเสียงคำตอบแม่ ประหนึ่งว่านั่นคือ คำอนุญาต (หรือเปล่าก็ไม่รู้) เราใช้เวลาไม่เกิน 2 นาทีในการจิ้มตุ่ม ยืนยันการซื้อตั๋วเครื่องบินไป – กลับ โอซาก้า พร้อมกับความรู้สึกใจหายที่วงเงินในบัตรเครดิตหายวูบไป……..ฟิ้วววว (เสียงลมพัด)
วันรุ่งขึ้นเราหาข้อมูลเรื่องที่พักในโอซาก้าต่อ จนในที่สุด ไม่เกิน 10 นาที ก็ตัดสินใจกดตุ่มยืนยันการจองห้องพัก ซึ่งเราเลือกพักโรงแรมแคปซูลในย่านนัมบะ โดยที่การเลือกครั้งนี้ดูแค่ราคาที่ถูกที่สุดไม่ได้สนใจสิ่งใดๆในโลก (ฮา)
ขอตัดภาพมาที่วันเดินทางเลยละกัน เรานั้นเคยเดินทางด้วยเครื่องบินครั้งแรกและครั้งเดียวจากการไปเที่ยวตามหาหัวใจที่เชียงใหม่ แต่ครั้งนี้เราจะต้องนั่งเครื่องบินไปเมืองนอก “เฮ้ย แหงล่ะก็ตื่นเต้นสิ ครั้งแรกนี่นา (ครั้งแรกทุกคนต้องตื่นเต้นด้วยกันทั้งนั้นแหละ ใช่มะ)” หลังจากที่เราทำการ Check-in เรียบร้อย ก็มารอขึ้นเครื่อง “หุยยย ไฟลท์นี้คนญี่ปุ่นเยอะจัง”
ด้วยความที่ไปคนเดียวครั้งแรก และตัดสินใจไปเที่ยวอย่างฉับพลัน เลยไม่ได้สนใจหาข้อมูลเท่าไหร่ ทำให้เรากังวลว่าเมื่อถึงสนามบินคันไซแล้ว เราจะเข้าเมืองยังไง ถามเพื่อนที่เคยอยู่ที่นั่นแล้วเพื่อนก็บอกว่ามีรถเข้า แต่เธอ เข้าใจป้ะ เราไปคนเดียวซื้อตั๋วที่ไหนอะไรยังไงก็ไม่รู้เลยหาเหยื่อคนญี่ปุ่นเนี่ยแหละ ที่เราน่าจะถามได้ว่าจากสนามบินเข้าเมืองต้องนั่งรถอะไร
เราเริ่มสอดส่ายสายตาจนไปพบกับชายหนุ่มรูปร่างสูงใหญ่คนหนึงซึ่งกำลังนั่งอ่านหนังสืออยู่ มันเป็นจังหวะพอดีที่สายตาเราชนกัน เขายิ้มให้ เราก็ยิ้มให้และตัดสินใจถามว่า “พอดีไปโอซาก้าครั้งแรก ไม่แน่ใจว่าจากสนามบินเข้าเมืองต้องนั่งรถยังไง พอจะรู้ไหม” (นั่นเป็นประโยคภาษาญี่ปุ่นที่พูดยาวที่สุดกับคนญี่ปุ่นที่ไม่รู้จัก) คำตอบที่ได้มา คือ “อ๋อ มีรถครับ เดี๋ยวพอถึงสถานีแล้วไปกับผมก็ได้” เฮ้ยยย ประเสริฐอ้ะ
ตุ๊ง ตุ่ง…… พร้อมกับเสียงแอร์โฮสเตสประกาศให้ผู้โดยฯทุกคน ขึ้นเครื่อง ผู้โดยฯทุกคนต่างทยอยกันไปตามลำดับ ชายหนุ่มใจดีคนนั้นก็ไปแล้ว เราก็กำลังตามไปติดๆ พอถึงบนเครื่อง อย่างแรกที่ทำคือ มองว่าชายหนุ่มใจดีคนนั้นนั่งตรงไหนเพื่อจะได้เกาะห้อยตามเข้าเมืองไปด้วย โชคดี นั่งไม่ไกลกันมากนัก……หลังจากนั้นเราก็ใช้เวลาคอพับ คออ่อน คอหัก หลับกันไปบนเครื่องสิริรวมประมาณ 6 ชั่วโมงกว่าๆ เนื่องจากดีเลย์ จนมาถึงเจอป้าย
“Welcome to KIX. You are in North Wing”
แกรรรร ถึงแล้วสนามบินคันไซ โอซาก้า ประเทศญี่ปุ่น…และแน่นอน อย่างแรกที่ทำคือ มองหาชายหนุ่มใจดีคนนั้น และเราก็เจอ เราเดินตามเขาไปแบบไม่มีสมองคิดอะไรเองทั้งสิ้น จนมาถึงที่ ต.ม. อ้าว โชว์โง่ ดันไปเข้าแถวสำหรับคนญี่ปุ่นที่กลับเข้าประเทศ (พาสปอร์ตญี่ปุ่น) เราเลยต้องรีบเดินมุดหน้าไปเข้าแถวพาสปอร์ตต่างด้าวอย่างรวดเร็ว แหะ เขินจัง…ผ่านด่าน ต.ม. เสร็จ ชายหนุ่มใจดีคนนั้นยืนรอเราอยู่ด้วยแหละ เราก็เลยตามติดไป เขาพาไปซื้อตั๋วรถลีมูซีนเข้าเมือง และออกมารอขึ้นรถ โอ๋ย..อากาศหนาวมาก ลมตีหน้าอย่างจังจนหน้าแทบแตก พอรถมาเราก็ขึ้นไปนั่ง ความรู้สึกแรกคือแบบ มันสบายมาก เพราะเบาะทำให้เราอุ่นตูด เรารู้สึกสบายมากและเผลอหลับไปโดยไร้การพูดคุย จนชายหนุ่มใจดีสะกิดว่า ถึงแล้วให้ลง เรามาถึงย่านนัมบะเวลาประมาณ สี่ทุ่มเศษๆ ชายใจดีคนนั้นถามเราว่าพักโรงแรมไหน เราก็เอาแผนที่ให้ดู “อ๋า….พักโรงแรมใกล้ๆ กันเลย เดี๋ยวผมเดินไปส่ง” พอสิ้นประโยคนั้น แบบ แบบ เฮ๋ยยยย ทำไมเป็นคนดีประเสริฐมากมายถึงเพียงนี้ และไม่รอช้าเขาก็รีบเดินนำทางไปส่งเราจนถึงโรงแรม
ผ่านซอก ตรอก ซอยเล็กๆ จนมาถึงโรงแรม เราก็ขอบคุณเขาหลายรอบมาก จนเขาบอกกับเราว่า “คนไทยใจดี ตอนเขามาเมืองไทยใหม่ๆ เขาไม่รู้ทางก็มีคนไทยใจดีบอกทาง พาเขาไปเหมือนกัน” และชายหนุ่มใจดีคนนั้นก็ขอตัวไปพักที่โรงแรมของเขา ก่อนจากเราได้แอด FB กัน และเป็นเพื่อนกันในที่สุด เห็นมั้ยล่ะ “ใครจะรู้ว่า การมาเที่ยวต่างแดนจะได้รับมิตรภาพดีๆ จากเพื่อนร่วมทางขนาดนี้…เพราะงั้นมีโอกาสออกไปเที่ยวหาประสบการณ์กันบ้างก็ดีเนาะ” และนี่คือ “ครั้งแรกของเรากับมิตรภาพของชายหนุ่มญี่ปุ่นแปลกหน้า” แหม…คิดกันไปใหญ่ล่ะสิ เอาล่ะ ขอเบรกเรื่องราวไว้ตรงนี้ก่อน เดี๋ยวมาต่อกันตอนหน้ากับ “ครั้งแรก…ในโรงแรมแคปซูล”